หากศาลมีคำสั่งให้เป็นคนสาบสูญ จะส่งผลอย่างไรกับบุคคลนั้น
หากศาลมีคำสั่งให้เป็นคนสาบสูญ จะส่งผลอย่างไรกับบุคคลนั้น ?
ในเรื่องนี้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้บัญญัติไว้ทั้งหมด 3 มาตราด้วยกันคือ
1. มาตรา 62 บัญญัติว่า “บุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญให้ถือว่าถึงแก่ความตายเมื่อครบกำหนดระยะเวลาดังระบุไว้ในมาตรา 61”
2. มาตรา 63 บัญญัติว่า “เมื่อบุคคลผู้ถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญนั้นเอง หรือ มีผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการร้องขอต่อศาล และพิสูจน์ได้ว่าบุคคลผู้ถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญนั้นยังคงมีชีวิตอยู่ก็ดี หรือว่าตายในเวลาอื่นผิดไปจากเวลาดังระบุไว้ในมาตรา 62 ก็ดี ให้ศาลสั่ง ถอนคำสั่งให้เป็นตนสาบสูญนั้น แต่การถอนคำสั่งนี้ ย่อมไม่กระทบกระเทือนถึงความสมบูรณ์แห่งการทั้งหลายอันได้ทำไปโดยสุจริต ในระหว่างเวลาตั้งแต่ศาลมีคำสั่งให้เป็นคนสาบสูญจนถึงเวลาถอนคำสั่งนั้น
บุคคลผู้ได้ทรัพย์สินมาเนื่องแต่การที่ศาลสั่งให้บุคคลใดเป็นคนสาบสูญ แต่ต้องเสียสิทธิของตนไปเพราะศาลสั่งถอนคำสั่งให้บุคคลนั้นเป็นคนสาบสูญ ให้นำบทบัญญัติว่าลาภมิควรได้แห่งประมวลกฎหมายนี้มาใช้บังคับโดยอนุโลม”
3. มาตรา 64 บัญญัติว่า “คำสั่งศาลให้เป็นคนสาบสูญ หรือคำสั่งถอนคำสั่งให้เป็นคนสาบสูญ ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา”
การที่กฎหมายกำหนดเรื่องคำสั่งศาลให้เป็นคนสาบสูญและการเพิกถอนคำสั่งให้เป็นคนสาบสูญต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา ก็เพราะต้องการให้บุคคลภายน้องได้ทราบและป้องกันมิให้มีการกล่าวอ้างเพื่อหาประโยชน์จากคนสาบสูญได้
นากจากนี้คนสาบสูญเป็นกรณีของการสิ้นสภาพบุคคลโดยผลของกฎหมาย และไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าคนสาบสูญนั้นได้ตายไปแล้วจริงๆ หรือยังคงมีชีวิตอยู่ ซึ่งมีเรื่องต้อง 2 กรณี คือ
1. ในกรณีคนสาบสูญได้ตายไปแล้วจริงๆ โดยมีการยืนยันและหลักฐานชัดเจน เช่น มีการพบศพในเวลาหลังจากมีคำสั่งศาลให้เป็นคนสาบสูญแล้ว ผลในกฎหมายในเรื่องสถานะครอบครัว ก็ต้องถือว่าการสมรสสิ้นสุดลงด้วยการตายของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตามที่มาตรา 1501 ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยครอบครัวซึ่งได้บัญญัติไว้ว่า “การสมรสย่อมสิ้นสุดลงด้วยความตาย การหย่า หรือศาลพิพากษาให้เพิกถอน” และในเรื่องทรัพย์สินของผู้ตายก็จะต้องเป็นไปตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยมรดก มาตรา 1620 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “ถ้าผู้ใดตายโดยมิได้ทำพินัยกรรมไว้ หรือทำพินัยกรรมไว้แต่ไม่มีผลบังคับได้ ให้ปันทรัพย์มรดกทั้งหมดแก่ทายาทโดยธรรมของผู้ตายนั้นตามกฎหมาย
ถ้าผู้ใดตายโดยทำพินัยกรรมไว้ แต่พินัยกรรมนั้นจำหน่ายทรัพย์หรือ มีผลบังคับใช้ได้เพียงบางส่วนแห่ทรัพย์มรดกที่มิได้จำหน่ายโดยพินัยกรรม หรือส่วนที่พินัยกรรมไม่มีผลบังคับให้แก่ทายาทโดยชอบธรรมตามกฎหมาย”
2. กรณีคนสาบสูญได้กลับมา ในกรณีนี้ต้องคืนสภาพบุคคลโดยศาลต้องมีคำสั่งถอนการเป็นคนสาบสูญและมีการคืนทรัพย์สินของคนสาบสูญให้กับบุคคลนั้นด้วย
ในกรณีบุคคลได้รับทรัพย์สินเพราะการสาบสูญโดยคำสั่งศาลของคนสาบสูญและต้องเสียสิทธิไปเพราะการกลับมาของคนสาบสูญนั้นกฎหมายมาตรา 63 วรรคท้าย ให้นำบทบัญญัติเรื่องลาภมิควรได้มาใช้บังคับโดยอนุโลม
แต่อย่างไรก็ตาม กฎหมายยังคงให้คุ้มครองกับบุคคลผู้สุจริตอยู่เสมอโดยพิจารณาได้จากมาตรา 63 วรรคหนึ่ง โดยบัญญัติไว้ชัดเจนว่า “การถอนคำสั่งสาบสูญย่อมไม่กระทบกระเทือนถึงความสมบูรณ์แห่งการทั้งหลายที่บุคคลได้รับทรัพย์สินของคนสาบสูญมาได้กระทำไปโดยสุจริตในระหว่างเวลาตั้งแต่ศาลได้มีคำสั่งให้เป็นคนสาบสูญ จนถึงเวลาถอนคำร้องสาบสูญ” ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นเวลายาวนานเพียงใด และได้ทำการอะไรโดยสุจริตต่อทรัพย์สินนี้ได้รับมา เช่น ซื้อ ขาย จำนอง จำนำ
ปัญหาที่ตามมาคือ จะทราบได้อย่างไรว่าสุจริตหรือไม่ ก็คงเป็นเรื่องของฝ่ายที่อ้างว่าสุจริต จะต้องพิสูจน์ให้ศาลเห็นเท่านั้นว่าสุจริตจริง
และประเด็นสุดท้ายที่ต้องพึงระลึกไว้ก็ คือ การเป็นคนสาบสูญนั้นให้ถือว่าบุคคลนั้นถึงแก่ความตายเมื่อครบระยะเวลา 5 ปี หรือ 2 ปี แล้วแต่กรณี ไม่ใช่วันที่ศาลได้มีคำสั่งให้เป็นคนสาบสูญ ซึ่งตามมาตรา 62 ได้บัญญัติไว้
ปรึกษากฎหมายโทร 080-9193691 , 02-0749954
หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer
สาขาเชียงใหม่ โทร 080-3955536 แอดไลน์ @closelawyercmi
หรือ คลิก https://lin.ee/Zu2JmNU
www.closelawyer.co.th
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments