สัญญากู้ยืมเงินที่มีข้อความว่า “คู่สัญญาตกลงกันว่า ผู้กู้จะชำระหนี้อย่างอื่นแทนการชำระเงินไม่ได้เป็นอันขาด” เป็นโมฆะหรือไม่
สัญญากู้ยืมเงินที่มีข้อความว่า
“คู่สัญญาตกลงกันว่า ผู้กู้จะชำระหนี้อย่างอื่นแทนการชำระเงินไม่ได้เป็นอันขาด”
เป็นโมฆะหรือไม่
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 321 วรรคหนึ่ง
อันเป็นหลักทั่วไปในเรื่องหนี้ที่มีบทบัญญัติว่า “ถ้าเจ้าหนี้ยอมรับชำระหนี้อย่างอื่นแทนการชำระหนี้ที่ได้ตกลงกันไว้
ท่านว่าหนี้นั้นก็เป็นอันระงับสิ้นไป”
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 656 วรรคสอง
“ถ้าทำสัญญากู้ยืมเงินกันและผู้ให้กู้ยืมยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืมมีอันระงับไป
เพราะการชำระเช่นนั้น
ท่านให้คิดเป็นจำนวนเท่ากับราคาท้องตลาดแห่งสิ่งของหรือทรัพย์สินนั้นในเวลาและสถานที่ส่งมอบ”
ล้วนมีองค์ประกอบสำคัญว่าต้องเป็นกรณีที่เจ้าหนี้ หรือผู้ให้กู้ยืม
ยอมรับการชำระหนี้อย่างอื่นแทนการชำระหนี้ที่ได้ตกลงกันไว้ทั้งสิ้น
ดังนี้ การยินยอมรับเอาสิ่งของ หรือทรัพย์สินอย่างอื่น
เป็นการชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืม
จึงเป็นสิทธิของผู้ให้กู้ยืมฝ่ายเดียวที่จะยินยอมหรือไม่ก็ได้
คำตอบ : สัญญากู้ยืมเงินที่มีข้อความว่า
“คู่สัญญาตกลงกันว่าผู้กู้จะชำระหนี้อย่างอื่นแทนการชำระหนี้เงินไม่ได้เป็นอันขาด”
ไม่ได้ฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งกฎหมายจึงไม่เป็นโมฆะ สามารถบังคับใช้ได้
คำพิพากษาฎีกาที่ 13678/2558
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 321
วรรคหนึ่ง อันเป็นหลักทั่วไปในเรื่องหนี้ที่มีบทบัญญัติว่า “ถ้าเจ้าหนี้ยอมรับชำระหนี้อย่างอื่นแทนการชำระหนี้ที่ได้ตกลงกันไว้
ท่านว่าหนี้นั้นก็เป็นอันระงับสิ้นไป” ก็ดี
และตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 656 วรรคสอง
อันเป็นบทบัญญัติเฉพาะในเรื่องเอกเทศสัญญาลักษณะยืมที่มีบทบัญญัติว่า “ถ้าทำสัญญากู้ยืมเงินกันและผู้ให้กู้ยืมยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืมมีอันระงับไป
เพราะการชำระเช่นนั้น
ท่านให้คิดเป็นจำนวนเท่ากับราคาท้องตลาดแห่งสิ่งของหรือทรัพย์สินนั้นในเวลาและสถานที่ส่งมอบ”
ก็ดี ล้วนมีองค์ประกอบสำคัญว่าต้องเป็นกรณีที่เจ้าหนี้หรือผู้ให้กู้ยืมยอมรับการชำระหนี้อย่างอื่นแทนการชำระหนี้ที่ได้ตกลงกันไว้ทั้งสิ้น
ซึ่งตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา
656 วรรคสาม มีบทบัญญัติว่า
“ความตกลงกันอย่างใดใดขัดกับข้อความดังกล่าวมานี้ท่านว่าเป็นโมฆะ” นั้น
หมายความว่าเมื่อผู้ให้กู้ยืมยินยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืมแล้ว
หากมีข้อตกลงให้คิดมูลค่าสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นที่ชำระ
นอกเหนือไปจากจำนวนราคาตามท้องตลาดในเวลาและและสถานที่ส่งมอบ ก็ถือว่า
ข้อตกลงดังกล่าวเป็นโมฆะ ดังนี้ การยินยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืม
จึงเป็นสิทธิของผู้ให้กู้ยืมฝ่ายเดียวที่จะยินยอมหรือไม่ก็ได้
สัญญากู้ยืมเงิน ข้อ 6 ที่มีข้อความว่า
“คู่สัญญาตกลงกันว่าผู้กู้จะชำระหนี้อย่างอื่นแทนการชำระหนี้เงินไม่ได้เป็นอันขาด”
มิได้ฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งกฎหมายจึงหาเป็นโมฆะไม่
มาตรา 321 วรรคหนึ่ง
ถ้าเจ้าหนี้ยอมรับการชำระหนี้อย่างอื่นแทนการชำระหนี้ที่ได้ตกลงกันไว้
ท่านว่าหนี้นั้นก็เป็นอันระงับสิ้นไป
มาตรา 656 ถ้าทำสัญญากู้ยืมเงินกัน
และผู้กู้ยืมยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นแทนจำนวนเงินนั้นไซร้ ท่านให้คิดเป็นหนี้เงินค้างชำระโดยจำนวนเท่ากับราคาท้องตลาดแห่งสิ่งของหรือทรัพย์สินนั้นในเวลาและ
ณ สถานที่ส่งมอบ
ถ้าทำสัญญากู้ยืมเงินกัน
และผู้ให้กู้ยืมยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืมไซร้
หนี้อันระงับไปเพราะการชำระเช่นนั้น ท่านให้คิดเป็นจำนวนเท่ากับราคาท้องตลาดแห่งสิ่งของหรือทรัพย์สินนั้นในเวลาและ
ณ สถานที่ส่งมอบ
ความตกลงกันอย่างใด ๆ
ขัดกับข้อความดังกล่าวมานี้ ท่านว่าเป็นโมฆะ
ปรึกษากฎหมายโทร
080-9193691
, 02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ
คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments