พยานในพินัยกรรมลงลายมือชื่อโดยไม่เห็นเหตุการณ์ขณะทำพินัยกรรม แต่มาลงลายมือชื่อในภายหลัง แม้ผู้ทำพินัยกรรมประสงค์จะทำพินัยกรรมจริง พินัยกรรมก็ไม่สมบูรณ์!!
พยานในพินัยกรรมลงลายมือชื่อโดยไม่เห็นเหตุการณ์ขณะทำพินัยกรรม
แต่มาลงลายมือชื่อในภายหลัง แม้ผู้ทำพินัยกรรมประสงค์จะทำพินัยกรรมจริง
พินัยกรรมก็ไม่สมบูรณ์!!
การทำพินัยกรรมนั้น
อาจจะเป็นเรื่องที่ผู้ทำพินัยกรรมประสงค์ที่จะยกทรัพย์สินหรือแบ่งแยกสมบัติให้ทายาทหรือบุคคลอื่นตามเจตนาของผู้ทำพินัยกรรม
เพื่อว่าเมื่อตัวเองตายไปแล้วทายาทจะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกันว่าที่ดินตรงนี้
รถยนต์คนนั้น เงินฝากในบัญชีร้อยล้านพันล้านจะเป็นของทายาทคนใด
โดยจะมีหลักเกณฑ์ของการทำพินัยกรรมว่า “ต้องทำเป็นหนังสือลงวัน เดือน ปี
ในขณะที่ทำขึ้น
และผู้ทำพินัยกรรมต้องลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนพร้อมกัน
ซึ่งพยานสองคนนั้นต้องลงลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อของผู้ทำพินัยกรรมไว้ในขณะนั้น”
พินัยกรรมจึงจะสมบูรณ์
แต่ก็อาจจะมีข้อสังเกต
เช่น ผู้ทำพินัยกรรมลงชื่อต่อหน้าพยานเพียงคนเดียว ส่วนพยานอีกคนหนึ่งมาถึงและลงชื่อเป็นพยานในพินัยกรรมภายหลังที่ผู้ทำพินัยกรรมลงชื่อแล้วประมาณ
10 นาที แม้ว่าขณะนั้นผู้ทำพินัยกรรมและพยานจะยังอยู่พร้อมหน้ากัน ก็ถือว่าพินัยกรรมนั้นเป็นพินัยกรรมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
อีกตัวอย่าง เช่น พยานลงลายมือชื่อในพินัยกรรมก่อนผู้ทำพินัยกรรม
ต่อมาอีก 3 วัน
ผู้ทำพินัยกรรมจึงพิมพ์ลายมือต่อหน้าพยานนั้นเอง การลงชื่อของพยานนั้นสมบูรณ์
คำถาม : พยานลงชื่อในพินัยกรรมโดยไม่เห็นเหตุการณ์หรือไม่อยู่ต่อหน้า
ขณะทำพินัยกรรม แต่ผู้ทำพินัยกรรมต้องการจะทำพินัยกรรมจริง
พินัยกรรมนั้นจะสมบูรณ์หรือไม่
คำตอบ : ไม่สมบูรณ์ครับ เพราะพยานจะต้องลงลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อของผู้ทำพินัยกรรมไว้ในขณะทำพินัยกรรม
พินัยกรรมดังกล่าวจึงจะมีผลสมบูรณ์และชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาฎีกา 11034/2553
บทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1656 วรรคแรก หมายความว่าผู้ทำพินัยกรรมแบบที่เป็นหนังสือนั้นต้องมีพยานอย่างน้อย 2 คน และพยานจะต้องลงลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อของผู้ทำพินัยกรรมไว้ในขณะนั้นเป็นสำคัญ ทั้ง
บทบัญญัติกฎหมายที่ว่าผู้ทำพินัยกรรมต้องลงลายมือชื่อต่อหน้าพยานทั้งสองคน
และพยานทั้งสองจะต้องลงลายมือชื่อรับรองในขณะนั้นเป็นบทบัญญัติที่มีความหมายชัดเจนจนกระทั่งไม่อาจจะตีความหรือแปลความหมายไปเป็นอย่างอื่นได้
ดังนั้น การที่พยานไม่ว่าคนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคนในพินัยกรรมลงลายมือชื่อในพินัยกรรม โดยไม่เห็นเหตุการณ์ขณะทำพินัยกรรม แต่มาลงลายมือชื่อในภายหลังก็ย่อมไม่ชอบด้วยบทบัญญัติกฎหมายมาตราดังกล่าวและทำให้พินัยกรรมเป็นโมฆะ ตามมาตรา 1705
ไปในทันที แม้ต่อมาภายหลังพยานในพินัยกรรมจะมาสอบถามผู้ทำพินัยกรรมและได้ความว่าผู้ทำพินัยกรรมมีความประสงค์จะทำพินัยกรรมจริงก็ตาม ก็ไม่มีผลทำให้การลงลายมือชื่อในพินัยกรรมที่ไม่ชอบหรือพินัยกรรมที่เป็นโมฆะไปแล้ว กลับกลายเป็นการลงลายมือ
ที่ชอบทำให้พินัยกรรมมีผลสมบูรณ์ชอบด้วยกฎหมายไปได้
มาตรา 1656 พินัยกรรมนั้น จะทำตามแบบดังนี้ก็ได้ กล่าวคือต้องทำเป็นหนังสือลงวัน เดือน ปี ในขณะที่ทำขึ้น และผู้ทำพินัยกรรมต้องลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนพร้อมกัน ซึ่งพยานสองคนนั้นต้องลงลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อของผู้ทำพินัยกรรม
ไว้ในขณะนั้น
การขูดลบ ตก เติม
หรือการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นซึ่งพินัยกรรมนั้นย่อมไม่สมบูรณ์
เว้นแต่จะได้ปฏิบัติตามแบบอย่างเดียวกับการทำพินัยกรรมตามมาตรานี้
มาตรา 1705 พินัยกรรมหรือข้อกำหนดพินัยกรรมนั้น
ถ้าได้ทำขึ้นขัดต่อบทบัญญัติแห่งมาตรา 1652, 1653,
1656, 1657, 1658,
1660, 1661 หรือ 1663 ย่อมเป็นโมฆะ
ปรึกษากฎหมายโทร 080-9193691 , 02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments