ต่างฝ่ายต่างจงใจเข้าทะเลาะวิวาทกันเกิดการต่อสู้กอดปล้ำกันจนได้รับบาดเจ็บจะอ้างป้องกันตัวไม่ได้ ต้องรับโทษตามกฎหมาย
ต่างฝ่ายต่างจงใจเข้าทะเลาะวิวาทกันเกิดการต่อสู้กอดปล้ำกันจนได้รับบาดเจ็บจะอ้างป้องกันตัวไม่ได้ ต้องรับโทษตามกฎหมาย
หากเกิดการทะเลาะวิวาทขึ้นมาจะอ้างป้องกันตัวได้ต้องพอสมควรแก่เหตุเพื่อระงับเหตุที่เกิดขึ้น
หากเป็นการกระทำที่เหตุนั้นระงับแล้วแต่ยังกระทำต่อไปย่อมเป็นการสมัครใจเข้าทะเลาะวิวาท
และต้องรับโทษตามที่ตนได้กระทำลงไปนั้น
เช่น
เกิดเหตุเด็กช่างสองสถาบันอริได้พบเจอกันโดยบังเอิญ
จึงเกิดเหตุท้าทายและชกต่อยกันขึ้น ผู้เริ่มก่อเหตุย่อมเป็นฝ่ายผิดอยู่แล้ว
ฝ่ายผู้ถูกกระทำก็ควรที่จะป้องกันตัวให้พอเหมาะสมเพื่ออ้างป้องกันตัวได้
แต่หากฝ่ายที่ถูกกระทำโต้ตอบและสวนกลับ
โดยไม่ได้มีเจตนาที่จะระงับเหตุย่อมเป็นการจงใจทะเลาะวิวาทต่อกัน
หากผลออกมาฝ่ายใดได้รับบาดเจ็บ หรือได้รับบาดเจ็บสาหัส
ก็ต้องรับผิดไปตามที่ได้กระทำลง ไม่อาจจะอ้างป้องกันตัวจากที่ถูกกระทำได้
ต้องรับโทษตามกฎหมายอาญา
อ้างถึงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7135/2547
เหตุคดีนี้เกิดเพราะจำเลยเป็นผู้ก่อเหตุขึ้นก่อน
และเป็นการสมัครใจทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน มิใช่เป็นภัยอันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย
จำเลยจะอ้างว่าการกระทำเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายไม่ได้
การที่ผู้เสียหายถูกจำเลยรัดคอด้วยมือซ้าย
ผู้เสียหายจึงดิ้นต่อสู้กอดปล้ำกับจำเลย จำเลยจึงไม่มีโอกาสเลือกแทง
แต่แทงไปตามโอกาสที่จะอำนวยและไม่ได้ใช้กำลังแทงรุนแรงนัก ทั้งเมื่อจะแทงอีก
ผู้เสียหายปัดมือ จำเลยจึงเปลี่ยนเป็นใช้ด้ามมีดกระแทกศีรษะผู้เสียหายแทน
แสดงให้เห็นว่าไม่ต้องการแทงซ้ำ
บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับมีบาดแผลบวมช้ำฉีกขาดกลางศีรษะและบาดแผลฉีกขาดหลังมือซ้ายตัดเอ็นนิ้วนางและนิ้วก้อยขาด
ส่วนบาดแผลที่บริเวณหน้าอกด้านขวาระดับซี่โครงที่ 6 ไม่ปรากฏขนาดของบาดแผล ไม่ทะลุเข้าไปในช่องอก
แสดงว่าจำเลยไม่ได้แทงอย่างแรง กรณีจึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย
คงมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น
แม้โจทก์ฟ้องว่า
จำเลยกระทำความผิดฐานพยายามฆ่า
โดยมิได้บรรยายฟ้องว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสหรือป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนา
จนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวันก็ตาม
แต่ตามคำฟ้องก็กล่าวว่าผู้เสียหายมีบาดแผลตามสำเนารายงานการชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้อง
ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องได้ระบุความเห็นว่ารักษาประมาณ 45
วันหาย และทางพิจารณาข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบได้ความว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส
เมื่อข้อเท็จจริงตามฟ้องนั้นโจทก์สืบสม ทั้งการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น
รวมการกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นตาม ป.อ. มาตรา 297 ด้วย และเป็นความผิดได้ในตัวเอง
ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสได้ตาม
ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย
ปรึกษากฎหมายโทร
080-9193691
, 02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ
คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments