แกล้งทำทีเป็นยืมของแต่ตั้งใจมาขโมย เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
ช่วงวิกฤติการโควิด – 19 นี้
อาจจะทำให้หลายๆ คนตกงานไม่มีเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
ทำให้เกิดการกระทำผิดกฎหมายขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ควรระวังคือการถูกขโมยทรัพย์สิน หรือหลอกใช้กลอุบายให้เจ้าของทรัพย์ตายใจ
จนไม่ทันระวัง
ตัวอย่างเช่น
นายสันติ กับนายยงยุทธคู่หูเพื่อนซี้รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก
มีอะไรก็ช่วยเหลือกันมาตลอด
วันหนึ่งนายสันติตกงานไม่มีเงินที่จะมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ไม่รู้จะไปพึ่งใคร
จึงได้ปรึกษากับนายยงยุธ ให้ไปหลอกยืมเรื่อยยนต์ไฟฟ้าจากนายจ้างเก่า
นายยงยุทธเห็นเพื่อนเดือดร้อน
จึงได้โทรไปบอกนายจ้างเก่าให้นำเรื่อยยนต์ดังกล่าวมาวางไว้ที่หน้าสำนักงาน
เพื่อที่รุ่งเช้าตรู่อีกวันจะเข้าไปยืม
เมื่อนายจ้างเก่าได้นำเรื่อยยนต์นั้นไปวางตามที่นายยงยุทธร้องขอ จึงได้โทรไปบอกกับนายสันติว่าได้ทำตามที่นายสันติร้องขอแล้ว
จึงได้เข้าไปหยิบเรื่อยยนต์นั้นตั้งแต่ตอนเที่ยงคืนโดยเจตนาที่จำเรื่อยยนต์นั้นไปขายนำเงินมาใช้
อ้างถึงคำพิพากษาศาลฎีกาที่
3935/2553 จำเลยมีเจตนาทุจริตที่จะเอาสุราต่างประเทศของผู้เสียหายไปตั้งแต่ต้น
การที่จำเลยเอาสุราต่างประเทศใส่ในลังน้ำปลาแล้วนำไปชำระเงินกับพนักงานแคชเชียร์ของผู้เสียหายเท่ากับราคาน้ำปลา
เป็นเพียงกลอุบายของจำเลยเพื่อเอาสุราต่างประเทศของผู้เสียหายไปโดยทุจริตเท่านั้น
โดยพนักงานแคชเชียร์ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้เสียหายมิได้มีเจตนาส่งมอบการครอบครองสุราต่างประเทศให้แก่จำเลย
การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ หาใช่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงไม่
ดังนั้นการกระทำของนายสันติเป็นการลักทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจริต
และนายยงยุทธผู้ทำการช่วยเหลือในการเข้าไปเอาเรื่อยยนต์
แม้จะเป็นการขอยืมก็ตามแต่เจตนาที่ทั้งคู่คือการตั้งใจไปลักทรัพย์ของผู้อื่น
อันเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืน
มาตรา
334
“ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น
หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกหมื่นบาท”
มาตรา
335
"ผู้ใดลักทรัพย์
(1) ในเวลากลางคืน”
ปรึกษากฎหมายโทร
080-9193691
, 02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ
คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments