จากโจทก์กลายเป็นจำเลยเสียเอง ในข้อหาฐานความผิดฟ้องเท็จ หรือเบิกความเท็จ
การใช้สิทธิทางศาลหรือแจ้งความดำเนินคดีอาญากับผู้อื่นนั้น
ท่านต้องเป็นที่ถูกละเมิดได้รับความเสียหายจากการกระทำนั้น
หรือเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยตามกฏหมายอาญาจริงๆ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความรู้สึกของท่านเอง
หรือเพียงแค่อยากจะฟ้องคดี เพราะมิฉะนั้นแล้วจากเป็นโจทก์ในคดี
ท่านเองอาจจะตกเป็นจำเลยเสียเองก็ได้ และมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 7 ปี (กรณีคดีอาญา) ในข้อหาหรือฐานความผิดฟ้องเท็จ หรือเบิกความเท็จ
หรือทั้งสองกระทงเลยก็อาจเป็นได้
อีกทั้ง การที่นำความเท็จมาฟ้องและเบิกความเท็จนั้น
โดยมีเจตนาให้ผู้อื่นต้องโทษทางอาญา
หากศาลเชื่อว่าเป็นความจริงดังคำฟ้องและคำเบิกความแล้ว
ผู้นั้นอาจถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกได้
ถือว่าเป็นการกระทำที่เป็นภัยร้ายแรงต่อสังคม จึงไม่สมควรรอการลงโทษจำคุก ตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3963/2543 “การที่โจทก์ออกเช็คสั่งจ่ายเงินจำนวน 500,000 บาทให้แก่จำเลยนั้น
เป็นการออกเช็คเพื่อค้ำประกันเงินกู้ที่โจทก์กู้ไปจากจำเลยจำนวน 120,000 บาท
เมื่อจำเลยนำเช็คพิพาทฉบับดังกล่าวไปฟ้องกล่าวหาว่าโจทก์ออกเช็คให้แก่จำเลยเพื่อชำระหนี้เงินกู้โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯมาตรา 4 จึงเป็นการฟ้องคดีอาญาต่อศาลว่าโจทก์กระทำความผิดการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฟ้องเท็จ
จำเลยเบิกความในการพิจารณาคดีอาญาของศาลชั้นต้นยืนยันตามฟ้องว่า
เช็คพิพาทตามที่จำเลยฟ้องเป็นเช็คที่โจทก์ออกเพื่อชำระหนี้เงินกู้ให้จำเลย เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ออกเช็คพิพาทให้จำเลยยึดถือไว้เพื่อเป็นประกันหนี้เงินกู้ที่โจทก์มีอยู่ต่อจำเลย
คำเบิกความของจำเลยย่อมเป็นความเท็จและเป็นข้อสาระสำคัญในคดี
เพราะถ้าศาลชั้นต้นฟังว่าเช็คพิพาทโจทก์ออกให้จำเลยเพื่อเป็นการชำระหนี้เงินกู้
ศาลชั้นต้นก็อาจพิพากษาลงโทษจำคุกโจทก์ได้ ดังนั้น
จำเลยย่อมมีความผิดฐานเบิกความเท็จ
การที่จำเลยนำความเท็จมาฟ้องโจทก์และเบิกความเท็จนั้น
ก็โดยเจตนาให้โจทก์ต้องโทษทางอาญา
หากศาลเชื่อว่าเป็นความจริงดังคำฟ้องและคำเบิกความของจำเลยแล้ว
โจทก์อาจถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกได้ ถือว่าเป็นการกระทำที่เป็นภัยร้ายแรงต่อสังคมจึงไม่สมควรรอการลงโทษจำคุก”
ฉะนั้นแล้ว
ทบทวนตรวจสอบหรือติดต่อหาทนายความสอบข้อเท็จจริงในคดีในเรียบร้อยก่อนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมนะครับ
เพราะหากเป็นความเท็จแล้วนั้น ท่านเองนั่นแระอาจจะตกที่นั่งลำบาก เวรกรรมไม่ต้องรอชาติหน้านะ....
คนที่ไม่ได้กระทำความผิดยังคงมีกฎหมายไทยคุ้มครองอยู่นะครับ
เป็นกำลังใจให้คนที่ต่อสู้เพื่อความบริสุทธิ์ของท่านอยู่นะครับ
และผมเชื่อว่าสักวันคนที่กลั่นแกล้งท่านต้องได้รับกรรมไม่ทางกฎหมายก็ทางบาปบุญคุณโทษ.....จงเชื่อมั่นในความดีต่อไป
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 175 ผู้ใดเอาความอันเป็นเท็จฟ้องผู้อื่นต่อศาลว่ากระทำ ความผิดอาญา
หรือว่ากระทำความผิดอาญาแรงกว่าที่เป็นจริง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี
และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
มาตรา 177 ผู้ใดเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล
ถ้าความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี
หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าความผิดดังกล่าวในวรรคแรก
ได้กระทำในการพิจารณาคดีอาญา ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี
และปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นสี่พันบาท
ปรึกษากฎหมายโทร
080-9193691
, 02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ
คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments