เหตุใด ลงโทษทางอาญาผลย้อนหลังไม่ได้

เหตุใด ลงโทษทางอาญาผลย้อนหลังไม่ได้

อาญาไม่มีผลย้อนหลังไปลงโทษการกระทำที่ผ่านมาแล้วของจำเลย หากในเวลาที่จำเลยกระทำนั้นไม่มีกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด แม้ต่อมาจะมีกฎหมายออกมาแล้วบัญญัติว่าการกระทำนั้นเป็นความผิด กฎหมายที่ออกมาในภายหลังนี้ก็ไม่สามารถบังคับกับการกระทำในอดีตของจำเลยได้ เท่ากับว่ากฎหมายออกมาใหม่จะใช้บังคับได้เฉพาะการกระทำในปัจจุบัน หรือในอนาคตเท่านั้นกฎหมายอาญาไม่มีผลย้อนหลัง พิจารณาจากคำว่า “อันกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำ” กฎหมายอาญาจะย้อนหลังให้มีผลร้ายแก่จำเลยมิได้ เพราะมาตรา 2 วรรคหนึ่งใช้คำว่า “ในขณะกระทำ” กล่าวคือ หากขณะที่จำเลยกระทำความผิด กฎหมายอาญาของประเทศไทยไม่มีบทบัญญัติว่าเป็นความผิด หากต่อมาจะมีการออกกฎหมายย้อนหลังโดยถือว่าการกระทำนั้นเป็นความผิดมิได้ แต่หากเป็นเพียงมาตรการทางกฎหมาย อาทิ การถอนสัญชาติ การตัดสิทธิเลือกตั้งกรณีผู้ทุจริตการเลือกตั้ง การริบทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดินที่มิใช่การลงโทษทางอาญา เช่นนี้สามารถนำมาใช้ย้อนหลังเพื่อลงโทษจำเลยได้

ดังนั้น กฎหมายอาญาต้องบังคับใช้ต่อการกระทำของบุคคลในขณะที่บุคคลนั้นกระทำการเท่านั้น หากภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายต้องไม่กระทบกระเทือนต่อสิทธิ และหน้าที่ของบุคคล เพื่อประกันความมั่นคงของกฎหมาย และประกันสิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ด้วย นอกจากนี้ การบัญญัติกฎหมายให้มีผลย้อนหลังไปลงโทษบุคคลสำหรับการกระทำก่อนที่จะมีกฎหมายย่อมเป็นการทำลายความเชื่อถือไว้วางใจ และทำลายความเชื่อมั่นในของบุคคลด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2107/2553 จำเลยเข้าไปยึดถึงครอบครองที่ดินพิพาทก่อนวันที่

4 มีนาคม 2515 อันเป็นวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2515 ที่แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 108 ทวิ ใช้บังคับ เมื่อดีมาตรา 108 ทวิ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า นับแต่วันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ ใช้บังคับผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 9 ต้องระวางโทษจำคุก ฯลฯ เช่นนี้ การกระทำของจำเลยจึงไม่อาจมีความผิดฐานเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินอันเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 มาตรา 108 ทวิ ที่โจทก์ขอให้ลงโทษได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4815/2541 โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2536 ซึ่งขณะนั้นพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 ที่ให้เพิ่มความตามมมาตรา 91 ตรียังไม่มีผลใช้บังคับ กรณีจึงนำมาตรา 91 ตรีมาใช้ย้อนหลังเป็นผลร้ายแก่จำเลยมิได้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าการการจัดหางานฯ มาตรา 91 ตรี กรณีตัวอย่าง หลักกฎหมายอาญาไม่มีผลย้อนหลังไปลงโทษการกระทำที่ผ่านมาแล้วของจำเลย หากในเวลาที่จำเลยกระทำนั้นไม่มีกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1997/2500 จำเลยออกเช็คก่อนมี พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 สั่งจ่ายเงินให้แก่โจทก์ในวันที่ 31 ธันวาคม 2497 แต่เมื่อมีพระราชบัญญัตินี้แล้วก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ออกเช็คผิดเงื่อนไขตามมาตรา3 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ถอนเงินทั้งหมดหรือบางส่วนออกจากบัญชี หรือห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คนั้นโดยเจตนาทุจริตภายหลัง เช่นนี้ จำเลยก็ยังไม่มีผิดตามพระราชบัญญัตินี้

ข้อยกเว้นคือ ย้อนหลังได้ ถ้าไม่ใช่โทษทางอาญา มีกรณี ต่าง ๆ ดังนี้

1) การสั่งว่าทรัพย์สินเป็นของแผ่นดิน ตามมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ เป็นวิธีการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบอันเป็นวิธีการทางวินัย ไม่ใช่การลงโทษทางอาญา ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 219/2539

2) การกำหนดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ตามกฎหมายฟอกเงินมิใช่ โทษทางอาญาย้อนหลังได้ ไม่ใช่การริบทรัพย์สินตามความหมายของคำว่า ริบทรัพย์สิน มาตรา 18เพราะวิธีการดำเนินคดีต่างกัน ภาระการพิสูจน์ต่างกัน วิธีการที่จะขอคืนทรัพย์สินก็ต่างกันคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4175/2550 ส. เป็นผู้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนอันเป็นความผิดมูลฐานมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 จนถึงปี พ.ศ. 2544 ส่วนผู้คัดค้านที่ 1 เป็นภริยาผู้คัดค้านที่ 2 เป็นบุตรของ ส. จึงเป็นผู้ซึ่งเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับ ส. ผู้กระทำความผิดมูลฐานกรณีต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 51 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ที่ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบรรดาทรัพย์สินตามคำร้องเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยว กับการกระทำความผิด ภาระการพิสูจน์จึงตกแก่ผู้คัดค้านทั้งสองที่จะต้องนำสืบหักล้างข้อสันนิษฐาน ดังกล่าวว่าตนเป็นเจ้าของที่แท้จริงและทรัพย์สินนั้นไม่ใช่ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 เป็นกฎหมายที่กำหนดความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน มีทั้งโทษทางอาญาและมาตรการทางแพ่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินโดยมิต้องคำนึงว่าทรัพย์สินนั้นผู้เป็นเจ้าของหรือผู้รับโอนทรัพย์สินจะได้มาก่อน พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินมีผลใช้บังคับหรือไม่ เพราะมาตรการดังกล่าวมิใช่โทษทางอาญา หรือเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาจึงมีผลใช้บังคับย้อนหลังได้ และไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ

3) การถอนสัญชาติ ไม่ใช่การลงโทษทางอาญา บังคับย้อนหลังได้ ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6411/2534

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6411/2534 เมื่อหัวหน้าคณะปฏิวัติยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินได้สำเร็จหัวหน้าคณะปฏิวัติย่อมมีอำนาจออกประกาศหรือคำสั่งอันถือเป็นกฎหมายใช้บังคับแก่ประชาชนได้ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธันวาคม2515 มิใช่คำสั่งที่มีผลทำให้บุคคลต้องรับโทษทางอาญาแต่เป็นเรื่องของการให้ถอนสัญชาติไทยของบุคคลบางจำพวก แม้จะมีผลย้อนหลังกระทบถึงสิทธิของจำเลยและประชาชนก็มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายได้

4) วิธีการสำหรับเด็ก มีแนวคำพิพากษาศาลฎีกาว่า ไม่ใช่โทษทางอาญา (แต่ไม่ได้วินิจฉัยว่า บังคับย้อนหลังได้หรือไม่ (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3174/2538)คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3174/2538 การที่ศาลชั้นต้นส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กจังหวัดจนกว่าจะอายุครบ 18 ปี ไม่เป็นการลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 18 แต่เป็นวิธีการสำหรับเด็กตามมาตรา 74 (5) ที่เบากว่าการลงโทษจำคุก เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจึงต้องห้ามคู่ความมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

5) การเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เพื่อมิให้กรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเมืองมีโอกาสจะกระทำความผิดซ้ำอีกในช่วงระยะเวลาหนึ่ง มิใช่การลงโทษทางอาญา จึงมีผลย้อนหลังได้

ปรึกษากฎหมายโทร
ได้ที่ 080-9193691 , 02-0749954
หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer
สาขาเชียงใหม่ โทร 080-3955536 แอดไลน์ @cly.cmi
หรือ คลิก https://lin.ee/w7Ikc1z
สาขาขอนแก่น โทร 095-9567735 แอดไลน์ @cly.kkn
หรือ คลิก https://lin.ee/vbQlVcap
www.closelawyer.co.th
ทนายใกล้ตัว

5d7Cr3mZUt

แบบฟอร์มปรึกษากฎหมาย/คดีความ

กรุณากรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ทีมงานจะตอบคำถามท่านภายใน 3 วัน

ชื่อผู้ตอบ:

Visitors: 654,522