ความผิดฐานพรากผู้เยาว์ อายุไม่เกิน 18 ปี แม้เด็กเต็มใจไปด้วยก็ผิด!!
ความผิดฐานพรากเด็กหรือพรากผู้เยาว์
หมายถึง การพาหรือแยกเด็กหรือผู้เยาว์ออกไปจากอำนาจปกครองดูแลของบิดามารดา ทำให้อำนาจปกครองดูแลของบิดามารดาถูกรบกวนหรือถูกกระทบกระเทือนโดยบิดามารดาไม่รู้เห็นยินยอมด้วย
อันเป็นการล่วงละเมิดอำนาจปกครองของบิดามารดา
เนื่องด้วยในภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ทำให้บิดามารดาต้องออกจากบ้านไปทำงานหาเงินมาเลี้ยงดูบุตรและจุนเจือครอบครัว
ทำให้เวลาที่จะดูแล
สั่งสอนหรือทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างบิดามารดาและบุตรซึ่งเป็นเด็กหรือเยาวชนมีค่อนข้างน้อย
ประกอบกับสื่อเทคโนโลยีในปัจจุบันที่สามารถเข้าถึงง่าย
ซึ่งสื่อต่างๆ เหล่านี้ก็มีทั้งที่เป็นประโยชน์และเป็นโทษ
ในส่วนสื่อที่เป็นโทษโดยเฉพาะสื่อลามกอนาจาร สื่อลามกอนาจารเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่กระตุ้นให้เด็กหรือผู้เยาว์ซึ่งอยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็นและอยากทดลองประกอบกับความเปลี่ยนแปลงของร่างกายมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรกันโดยง่าย
ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดทั้งศีลธรรมและกฎหมาย
ทำให้มีคดีความผิดเกี่ยวกับเพศและความผิดฐานพรากผู้เยาว์ขึ้นมาสู่ศาลเป็นจำนวนมาก
โดยเฉพาะข้อหา
1. ข่มขืนกระทำชำเรา มาตรา 276
2. พาไปเพื่อการอนาจาร 283
ทวิ วรรคแรก
3. พรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร
โดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย 319 วรรคแรก
ซึ่งมักจะเจรจาตกลงกันได้
บางรายก็อยู่กินฉันสามีภริยากันแล้ว ไม่ประสงค์จะเรียกร้องค่าเสียหายต่อกัน
บางรายก็เจรจาตกลงค่าเสียหายกันได้
ฝ่ายผู้เสียหายจึงไม่ประสงค์ให้ผู้กระทำความผิดหรือจำเลยต้องรับโทษจำคุก
ในความผิดเกี่ยวกับเพศ มาตรา 276 วรรคแรก,
283 ทวิ วรรคแรก ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความกันได้
แต่ในส่วนความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย
ตามมาตรา 319 วรรคแรกซึ่งเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน
แม้จะเจรจาตกลงกันได้แต่ก็ไม่สามารถยอมความกันได้
ทำให้ท้ายที่สุดผู้กระทำความผิดหรือจำเลยก็ยังคงถูกดำเนินคดีอาญาในข้อหาดังกล่าวและอาจถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกได้หากจำเลยกระทำความผิดหลายกรรม
เพราะศาลอาจรอการลงโทษไม่ได้
ส่งผลให้เกิดปัญหาสังคม
และครอบครัวตามมาได้ ยิ่งถ้าหากผู้กระทำความผิดหรือจำเลยยังไม่บรรลุนิติภาวะ
อยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน
การกระทำความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วยย่อมมิได้เกิดจากจิตใจที่ชั่วร้ายของผู้กระทำความผิดหรือจำเลย
หากบางรายอาจเกิดจากการรักใคร่ชอบพอกัน
แต่ด้วยวัยของทั้งผู้กระทำความผิดหรือจำเลยและผู้เสียหายที่เป็นผู้เยาว์ทำให้ขาดการระงับยับยั้งใจ
จำเลยจึงได้กระทำความผิดดังกล่าว เป็นที่น่าเสียดายอย่างมาก เมื่อได้มีการเจรจาตกลงกันได้แล้ว
แต่คดีไม่สามารถยุติได้ทั้งหมด
มาตรา 319 ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี
แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไร
หรือเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย
ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงสองแสนบาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6306/2562
จำเลยนัดผู้เสียหายที่ 2
ซึ่งเป็นผู้เยาว์อยู่ในอำนาจปกครองของผู้เสียหายที่ 1
ไปมีความสัมพันธ์ทางเพศกันในรถยนต์ของจำเลยระหว่างทางที่ผู้เสียหายที่ 2
นั่งไปและกลับจากโรงเรียน เป็นเหตุอันไม่สมควรอย่างยิ่ง
แม้จำเลยไม่ได้ขับรถพาผู้เสียหายที่ 2
ออกไปนอกเส้นทางที่ต้องกลับบ้านและพาผู้เสียหายที่ 2 มาส่งที่บ้านตามปกติ
ก็ยังเป็นการล่วงละเมิดอำนาจปกครองของผู้เสียหายที่ 1
เป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร
โดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วยตาม ป.อ. มาตรา 319 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6910/2562
จำเลยพาผู้เสียหายที่ 1
ไปกระทำชำเราเป็นการล่วงละเมิดอำนาจปกครองของผู้เสียหายที่ 2 บิดาและ ศ.
มารดาในฐานะผู้ดูแลและผู้มีอำนาจปกครอง จึงเป็นการพรากผู้เสียหายที่ 1 ซึ่งเป็นผู้เยาว์มีอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากผู้เสียหายที่
2 ผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร จำเลยพาผู้เสียหายที่ 1 ไปกระทำชำเรา 5 ครั้ง
ต่างวันต่างเวลากัน แม้จำเลยกระทำต่อผู้เสียหายที่ 1 รายเดียวกัน
ลักษณะการกระทำความผิดอย่างเดียวกัน สถานที่เกิดเหตุเดียวกัน
และมีเจตนาประสงค์ต่อผลอย่างเดียวกัน
แต่จำเลยกระทำความผิดแต่ละครั้งต่างวันต่างเวลามิได้กระทำต่อเนื่องกัน
การกระทำของจำเลยแต่ละครั้งจึงแยกต่างหากจากกันเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน ตาม
ป.อ. มาตรา 91
ปรึกษากฎหมายโทร
080-9193691
, 02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ
คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer
เคยมีหลายเคสแล้วที่ใช้กฏหมายผู้เยาว์มาหากิน
เคยมีฝ่ายชายเป็นแพะเปล่าๆมานักต่อนักแล้ว
กฏหมายไทยแลนด์ไม่ให้ความเสมอภาคเลย
การทดลองของมิลแกรม ทำให้เราเข้าใจว่าต่อให้เด็กสมยอมก็ผิด เพราะเนื้อหาของกฎหมาย
แต่กฎหมายยังถูกบังคับใช้อยู่ เนื่องจากเราเซ็นสัญญาสหประชาชาติ ถ้าไม่เซ็นเราจะทำการค้าขายกับตะวันตกไม่ได้ เพราะเราไม่ได้ปราบปรามการค้ามนุษย์