คำพูดที่ว่า >มึงออกมาต่อยกับกูตัวต่อตัวถ้าแน่จริง< หากตอบโต้ ถือว่า สมัครใจทะเลาะวิวาท
คนที่ทำอวดเก่งในเรื่องไม่ดีสมัยนี้มีเยอะ
ท้าตีท้าต่อยกับเพื่อวัดศักดิ์ศรี แท้จริงแล้วนั้นมันไม่จำเป็นต้องใช้กำลัง
ใครจะทำอะไรไม่ดีใส่เรา ก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ดีกว่าครับ
ถ้ามีการล้ำเส้นกันเกิดขึ้นก็ให้กฎหมายเข้ามาดูแลจัดการ
เพราะในทุกการกระทำความผิดนั้น กฎหมายได้กำหนดบทลงโทษไว้แล้ว
ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ทนายความพนักงานอัยการ และศาลเถอะครับสุภาษิตที่ว่า
“อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ” คำนี้ผมว่าใช้เป็นข้อคิดได้นะครับ
ฝากถึงพวกน้องๆนักศึกษาทั้งหลายและประชาชนทั่วไป
ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ ให้นึกถึงอนาคตไว้ให้มากๆ
หากหลงเดินทางผิดไปแล้วให้กลับใจสะ
เห็นแก่พ่อแม่ของเราที่คงไม่อยากให้ลูกตนเป็นเป็นอันตพาล นักเลงหัวไม้ หรอกครับ
หากวันใดวันนึงที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้ทำหน้าที่การงานที่ดีแล้วนั้น
เมื่อมองย้อนกลับมาจะเห็นว่าเสียเวลา เสียประวัติ เสียเงินเสียทอง
มากไปกว่าได้เพียงแค่ชื่อเสียงที่ดังในทางไม่ดีกลับมา
ในกรณีที่ถูกทำร้ายหรือถูกกระทำ มีบทกฎหมายที่คุ้มครองเราอยู่แล้ว
ไม่จำเป็นต้องไปตอบโต้ร่วมหรือสมัครใจทะเลาะวิวาทกับผู้กระทำ แต่หากเป็นกรณีเหตุจำเป็นหรือเหตุป้องกันตัวตามกฎหมายสามารถกระทำได้
ไม่ต้องรับโทษหรือไม่เป็นเป็นความผิดต่อกฎหมาย
ยกตัวอย่างเช่นตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3089/2541
การที่ผู้เสียหายที่ 1 ไปท้าทายจำเลยโดยพูดเพียงว่า"มึงออกมาต่อยกับกูตัวต่อตัวถ้าแน่จริง" แม้จำเลยไม่มีหน้าที่ จะต้องหลบหนีก็ตาม แต่หากจำเลยไม่สมัครใจที่จะวิวาท
หรือต่อสู้กับผู้เสียหายที่ 1 จำเลยก็ชอบที่จะไม่ตอบโต้
หรือ ออกไปพบผู้เสียหายที่ 1 แต่จำเลยกลับออกไปพบผู้เสียหายที่ 1 โดยพกอาวุธปืนไปด้วย
แสดงว่าจำเลยสมัครใจเข้าวิวาทและต่อสู้กับผู้เสียหายที่ 1 และเข้าสู่ภัยโดยไม่มีกฎหมายให้อำนาจ แม้ผู้เสียหายที่ 1 จะชักมีดออกมาเพื่อจ้วงแทงจำเลย ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะวิวาทกัน จำเลยไม่มีสิทธิ ใช้ไม้ตีผู้เสียหายทั้งสองและใช้ปืนยิงผู้เสียหายที่ 1 โดยอ้างเหตุป้องกันตามกฎหมาย ทั้งการที่ผู้เสียหายที่ 1มาเรียกจำเลยให้ออกไปชกต่อยกันตัวต่อตัว
ไม่เป็นการข่มเหงอย่างร้ายแรงไม่อาจอ้างเหตุบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 จำเลยใช้ไม้กลมยาวประมาณ 1 ศอก ตีที่ศีรษะ
ผู้เสียหายที่ 2 เป็นเหตุให้มีรอยช้ำที่บริเวณท้ายทอยใช้เวลารักษาประมาณ 5 วัน เป็นการใช้อาวุธทำร้ายที่บริเวณอวัยวะสำคัญ เป็นเหตุ ให้ผู้เสียหายที่ 2 ได้รับอันตรายแก่กาย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295
ปรึกษากฎหมายโทร
080-9193691
, 02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ
คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer
1 นาย ข ออกไป เพราะทนคำพูดวาจาแบบนั้นไม่ได้ และไม่รู้ด้วยว่านาย ก จะเข้ามาในบ้านรึป่าว เลยจำเป็นต้องออกไป หน้าบ้าน เพราะกลัวคนข้างในได้รับอันตราย เพราะมีคนแก่ เด็ก ในบ้าน
แบบนี้เรียกข้อหา นาย ก ได้ข้อหาไหนบ้าง
2 ทำให้สภาพจิตใจ คนแก่ เด็ก ในเหตุการเกิดวิตกกังวล และนาย ข ได้รับบาทเจ็บในการตีกันครั้งนี้
ผมขอถามกลับถ้าวันนั้น นาย ก ไม่มาหาเรื่อง นาย ข นาย ข ก็ไม่เจ็บตัว เหตุชักนำตัวก่อให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาท คือ นาย ก แล้วกฎหมาย ไม่คุมครองนาย ข เลยหรอ กฎหมายไทยปัญญาอ่อนมาก
ว่าใครเป็นคนตัดต้นมะม่วงผมบอกผมเป็นคนตัดเองผมถามว่าอ้าวแล้วมาปลูกได้ไงพื้นที่ส่วนกลางของหมู่บ้านตรงหน้าบ้านผมด้วย ซึ่งผมตัดต้นแรก วันที่ 30/5/56 แต่
มีเรื่อง 31/5/56เป็นต้นที่สอง ผมบอกต้น
ที่สองผมก็กะจะตัด นาย ก บอกมึงลอง
ตัดดู ผมบอกงั้นผมตัดเลยแล้วกันผมเข้า
บ้านหยิบเลื้อยมือพร้อมอาวุธปืนพร้อมซองปืนในกระเป๋ากางเกงขาสั้นด้านขวาเพราะ
ผมไม่รู้จัก นาย ก แถมยังมาโวยวายหน้าบ้านผมก็ระวัง แถมยังตัวผมผึ้ซ้ายมาอยู่
ใหม่ในเดือน 4 ผมเดินออกไปตัดต้นมะม่วงต้นที่ สอง ของวันที่ 31/5/65 ระหว่างหันหลังตัด นาย ก ใช้ของแข็งตีด้านหลังผมระหว่างตัด 2 ที ผมหันมามองจะตีผมรอบ
3 แต่ยังไม่ทันเขามาผมหยิบปืนอยู่ในกระเป๋ากางเกงขาสั้นด้านขวายิงสวนไป
จากนั้น นาย ก ได้วางไม้รีบวิ่งออกไปที่หน้า
บ้านตัวเองโดยผมไม่ได้ตามยืนมองจนขึ้นรถกะบะเพื่อนบ้านเขาไป ร.พ
นาย ก โดนศาลแขวงทำร้ายร่างกาย 295
นาย ก รับสารภาพเสียค่าปรับ5000
ตัวผมโดนพยามฆ่าไม่สำเร็จผล ทาง นาย ก เรียกค่าสินไหมมา 6xxxxx (ดูสิขนาดมาหาเรื่องเองนะ)ตัวผมไม่ค่อยอยากยุ่งเรื่องคนอื่นนะชำ้ใจมากครับ สรุปไกล่เกลี่ยไม่ได้ในชั้นไกล่เกลี่ยที่ศาล ส่งเอกสารชี้แจงชี้แจงไปแล้ว ให้ศาลตัดสินเอาว่าสมควรจ่ายเท่าไหร่มีแต่ใบแพทย์ไม่มีค่าใช้จ่าย
งานก็ไม่มีหลักแหล่ง เรียกค่าสินไหมมาเหมือนแก้ให้ตายทั้งเป็นหมดตัว(คนทำงานเงินเก็บไม่ได้เยอะครับ)
มันมาหาเรื่องพอไปต่อยกับมันเราเสือกผิด