สัญญาขายฝากกรรมสิทธิ์ย่อมโอนไปตั้งแต่มีการทำสัญญา หากไม่ไถ่ตามเวลาย่อมหมดสิทธิ
สัญญาขายฝากกรรมสิทธิ์ย่อมโอนไปตั้งแต่มีการทำสัญญา
หากไม่ไถ่ตามเวลาย่อมหมดสิทธิ
ชาวบ้านหลายท่านหากต้องการจะไปกู้ยืมเงินจากญาติพี่น้องหรือนายทุน
มักจะถูกให้ทำสัญญาขายฝากที่ดินกันไว้ โดยจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานกรมที่ดิน
เพื่อที่หากครบกำหนดแล้วยังไม่ไถ่คืนที่ดินนั้นเป็นอันหมดสิทธิที่จะได้คืนกลับมา
เว้นแต่ได้เจรจาเจ้าหนี้เพื่อทำการขอซื้อคืน
ตัวอย่างเช่น นายสีสันต้องการที่จะกู้ยืมเงินจำนวน
1,000,000
บาทจากนายสิ้นสุด
แต่การเจรจาต่อรองเรื่องหลักประกันมีอยู่ว่านายสิ้นสุดให้ยืมได้
พร้อมอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี
และต้องทำสัญญาขายฝากกับตนโดยมีกำหนดไถ่คืนภายในระยะเวลา 1 ปี
มิเช่นนั้นจะไม่ให้ทำการกู้ยืม เมื่อนายสีสันตอบตกลงและได้ไปจดทะเบียนขายฝากที่
กรมที่ดินในเขตท้องที่
ปรากฏว่าต่อมานายสีสันยังไม่มีเงินที่จะไปไถ่ที่ดินคืนตามสัญญาเมื่อครบกำหนด
ได้ไปร้องขอต่อนายสิ้นสุดก็ไม่ยินยอมให้ขยายระยะเวลาไถ่เพิ่มออกไป
ทำให้นายสิ้นสุดหมดสิทธิที่จะไถ่ที่ดินคืนตามสัญญา
อ้างถึงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 18460/2557 การขยายกำหนดเวลาไถ่ทรัพย์สินที่ขายฝากกฎหมายมิได้บังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เพียงแต่อย่างน้อยต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้รับไถ่ จึงจะบังคับกันได้
การไม่นำหนังสือหรือหลักฐานเป็นหนังสือไปจดทะเบียนหรือจดแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ คงมีผลทำให้คู่สัญญาไม่อาจยกการขยายเวลาขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วเท่านั้น ตาม ป.พ.พ. มาตรา 496 วรรคสอง ดังนั้น การตกลงขยายกำหนดเวลาไถ่ตามหนังสือขอต่อสัญญาขายฝาก ซึ่งมีจำเลยที่ 1 ผู้รับไถ่ลงลายมือชื่อไว้ แม้มิได้นำไปจดทะเบียนหรือจดแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็มีผลผูกพันจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 แม้ไม่ได้ลงลายมือชื่อ แต่การที่จำเลยที่ 2 รู้เห็นยินยอมในการกระทำของจำเลยที่ 1 กรณีถือได้ว่าจำเลยที่ 2 เชิดจำเลยที่ 1 หรือยอมให้จำเลยที่ 1 เชิดตัวเองออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ในการตกลงและทำหนังสือขยายกำหนดเวลาไถ่ให้แก่โจทก์ การลงลายมือชื่อของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการกระทำในฐานะตัวแทนของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับไถ่ด้วย หนังสือขยายกำหนดเวลาไถ่จึงมีผลผูกพันจำเลยทั้งสอง เมื่อจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงโดยนำทรัพย์สินที่รับซื้อฝากไปขายก่อนครบกำหนดเวลาไถ่ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จึงต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์
เนื่องจากสัญญาขายฝากนั้นเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินไปยังผู้รับซื้อฝากแล้ว
เพียงแต่มีเงื่อนไขที่ผู้ขายฝากจะไปทำการไถ่ถอนกลับมาเป็นของตนเองได้
แต่ต้องชำระเงินต้นและดอกเบี้ยตามสัญญาขายฝากเสียก่อน
เมื่อครบกำหนดที่จะไถ่ที่ดินคืนตามสัญญาขายฝาก ผู้ขายฝากจึงหมดสิทธิในที่ดินดังกล่าวโดยอัตโนมัติ
มาตรา 491 "อันว่าขายฝากนั้น
คือสัญญาซื้อขายซึ่งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินตกไปยังผู้ซื้อ
โดยมีข้อตกลงกันว่าผู้ขายอาจไถ่ทรัพย์นั้นคืนได้"
มาตรา 494 "ท่านห้ามมิให้ใช้สิทธิไถ่ทรัพย์สินซึ่งขายฝากเมื่อพ้นเวลาดังจะกล่าวต่อไปนี้
(1) ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์
กำหนดสิบปีนับแต่เวลาซื้อขาย
(2) ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์
กำหนดสามปีนับแต่เวลาซื้อขาย
มาตรา
495 "ถ้าในสัญญามีกำหนดเวลาไถ่เกินไปกว่านั้น
ท่านให้ลดลงมาเป็นสิบปีและสามปีตามประเภททรัพย์"
ปรึกษากฎหมายโทร
080-9193691
, 02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ
คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments