ผู้รับซื้อฝาก กำหนดราคาไถ่ทรัพย์ที่ขายฝากสูงเกินไป ผู้ขายฝากเลือกไถ่ทรัพย์ในราคาที่ขายฝากได้
ในการซื้อขายกันนั้น
หากเป็นการซื้อขายกันตามปกติแล้ว กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ก็ย่อมโอนไปเป็นของผู้ซื้อ
แม้ผู้ขายจะใช้สิทธิการซื้อคืนก็ไม่ได้มีกฎหมายกำหนดหน้าที่ให้บังคับให้ผู้รับซื้อดำเนินการโอนให้
และผู้ซื้อฝากก็สามารถกำหนดราคากันเองตามตกลงได้ โดยไม่มีกฎหมายต้องห้าม
และไม่จำเป็นต้องเป็นราคาตลาด หรือราคาเดียวกันกับที่ได้ซื้อมาแต่อย่างใด
ส่วนการขายฝากนั้น
แม้จะมีการโอนกรรมสิทธิ์ไปยังผู้ซื้อทันทีเหมือนการซื้อขายเสร็จเด็ดขาดก็ตาม
แต่ลักษณะพิเศษของการขายฝากนั้นคือสิทธิของผู้ขายฝาก ที่จะขอไถ่คืนทรัพย์สินที่ขายฝากไว้ได้ภายในกำหนดระยะเวลา
และผู้ซื้อฝากก็มีหน้าที่ตามกฎหมายต้องคืนทรัพย์ให้กับผู้ขายฝากเมื่อได้รับชำระสินไถ่ครบถ้วนแล้ว
โดยสินไถ่นั้น
แม้ไม่มีกฎหมายบังคับให้ผู้ซื้อได้รับผลประโยชน์ตอบแทนไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี
เหมือนกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินก็ตาม แต่หากปรากฎว่าในเวลาไถ่
สินไถ่หรือราคาที่กำหนดนั้น สูงกว่าราคาที่แท้จริงเกินอัตราร้อยละสิบห้าต่อปี
ผู้ขายฝากก็อาจเลือกไถ่ได้ในอัตราราคาขายฝากที่แท้จริงรวมประโยชน์ตอบแทนร้อยละสิบห้าต่อปี
แทนการชำระราคาขายฝากที่ได้ตกลงกันไว้ตอนแรกก็ได้เช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1265/2559
น. มารดาโจทก์ผู้ขายฝากและจำเลยผู้รับซื้อตกลงคิดดอกเบี้ยเดือนละ 12,000 บาท
กรณีจึงเป็นการกำหนดราคาสินไถ่หรือราคาขายฝากสูงกว่าราคาขายฝากที่แท้จริงในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี เมื่อราคาสินไถ่หรือราคาขายฝากที่กำหนดไว้สูงกว่าราคาขายฝากที่แท้จริงเกินอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จึงต้องห้ามตาม ป.พ.พ. มาตรา 499 วรรคสอง
ซึ่งกำหนดให้ไถ่ได้ตามราคาขายฝากที่แท้จริงรวมประโยชน์ตอบแทนร้อยละ 15 ต่อปี
อนึ่ง การขายฝากไม่ใช่การกู้ยืมเงิน
เมื่อไม่มีกฎหมายห้ามกำหนดดอกเบี้ย หรือผลประโยชน์ตอบแทนเกินร้อยละสิบห้าต่อปี
การกำหนดดอกเบี้ยเกินกว่านั้น ก็สามารถกระทำได้
และการชำระดอกเบี้ยในระหว่างอยู่ในระยะเวลาไถ่นั้น
เมื่อดอกเบี้ยถือเป็นผลประโยชน์ตอบแทนอย่างหนึ่ง
และสัญญาขายฝากให้คิดเอาผลประโยชน์ตอบแทนรวมไปกับราคาขายฝาก
โดยไม่มีกฎหมายระบุให้คิดดอกเบี้ยซ้ำอีกได้ การชำระดอกเบี้ยระหว่างนั้น
จึงถือว่าเป็นการชำระราคาขายฝากบางส่วนนั่นเอง (กล่าวโดยสรุปคือ
ดอกเบี้ยส่วนที่เกินร้อยละ 15 ให้ถือว่าเป็นการชำระสินไถ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 410/2510
เมื่อคู่สัญญาระบุจำนวนเงินราคาขายฝากไว้โดยไม่ระบุสินไถ่อีกผู้ขายฝากก็ไถ่ตามจำนวนเงินที่ระบุไว้นั้นซึ่งแม้ผิดกับราคาขายฝาก
ก็มีผลเช่นเดียวกับระบุสินไถ่ไว้สัญญาขายฝากไม่เป็นโมฆะการกำหนดสินไถ่ไม่ใช่เป็นการเรียกดอกเบี้ยเงินกู้
ไม่ขัดประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 655 ไม่ผิดพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 537 อัตราค่าเช่านั้นกฎหมายมิได้วางข้อจำกัดอันใดไว้จึงแล้วแต่คู่กรณีจะตกลงกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 291/2541
การที่โจทก์ผู้รับซื้อฝากคิดดอกเบี้ยจาก
ส.ผู้ขายฝากและจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นภริยาและบุตรของ ส. เมื่อ ป.พ.พ.มาตรา 499 บัญญัติให้กำหนดสินไถ่กันไว้ได้ การที่โจทก์ตกลงกับ
ส.และจำเลยทั้งสองให้ชำระดอกเบี้ยในระหว่างอายุสัญญาขายฝาก จึงเป็นการกำหนดให้
ส.และจำเลยทั้งสองชำระสินไถ่ให้โจทก์ทั้งสองบางส่วนนั่นเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2802/2522
ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 1 บาท 75 สตางค์ต่อเดือน เป็นอัตราเกินกว่ากฎหมายกำหนดในการเรียกดอกเบี้ยก็ตาม
แต่เมื่อนำผลประโยชน์ที่เรียกมารวมกับเงินค่ารับซื้อฝากที่จำเลยให้โจทก์ไปแล้วย่อมกลายเป็นสินไถ่ซึ่งในสัญญาขายฝาก
คู่สัญญาจะกำหนดสินไถ่โดยเรียกผลประโยชน์รวมไปกับเงินต้นเท่าใดก็ได้ โดย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 499 อนุญาตไว้
และคู่สัญญาย่อมตกลงผ่อนชำระสินไถ่กันได้
การผ่อนชำระเงินต้นของโจทก์ย่อมมีผลเท่ากับผ่อนชำระสินไถ่บางส่วนนั่นเอง
ปรึกษากฎหมายโทร
080-9193691
, 02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ
คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments