เด็กฟ้องให้บิดารับรองบุตร ไม่ถือเป็นคดีอุทลุม บุตรสามารถฟ้องบิดาหรือไม่
เด็กฟ้องให้บิดารับรองบุตร
ไม่ถือเป็นคดีอุทลุม บุตรสามารถฟ้องบิดาหรือไม่
จากหลาย ๆ
คำถามเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องค่าเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์นั้น
ฝ่ายไหนหรือใครสามารถฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรได้
ซึ่งหากจะฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตร ผู้เยาว์คนนั้นต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของบิดาเสียก่อน
ปัญหาจึงมีว่าหากบิไม่ยอมจดทะเบียนรับรองบุตร มารดาของผู้เยาว์นั้นก็มิได้เลี้ยงดู
บุตรผู้เยาว์ก็สามารถฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งรับรองบุตรผู้เยาว์ได้เอง
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1556 วรรคสอง และคำว่า "อุทลุม"
ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ให้ความหมายว่า ผิดประเวณี ผิดธรรมะ
แต่การฟ้องขอให้รับรองบุตรนั้นมิได้เป็นการฟ้องโดยผิดประเวณี
หรือผิดธรรมมะแต่อย่างใด
รวมถึงผู้เยาว์คนนั้นยังมิถือเป็นบุตรโดยอบด้วยกฎหมายของบิดา ย่อมฟ้องร้องต่อศาลได้
เมื่อได้ทราบในเบื้องต้นแล้วว่า
คดีอุทลุมนั้นห้ามมิให้บุตรฟ้องบุพการีหรือบิดามารดาของตนในคดีแพ่งหรือคดีอาญา
แต่หากเป็นกรณีที่ฟ้องขอให้เด็กเป็นบุตรตามมาตรา 1556
ซึ่งให้สิทธิแก่บุตรที่สามารถฟ้องร้องให้ตนเป็นบุตรได้ด้วยตนเอง
หากบุตรใช้สิทธิดังกล่าว จึงไม่ถือว่าเป็นคดีอุทลุม
เมื่อปรากฏว่าก่อนฟ้องเป็นคดีดังกล่าว
ตัวของเด็กนั้นยังมิได้เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด
เมื่อในขณะนั้นเด็กยังมิใช่บุตรที่ชอบด้วยกฎหมายก่อนศาลมีคำพิพากษา
จึงยังถือไม่ได้ว่า “เป็นคดีอุทลุม”
อ้างถึงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2268/2533 โจทก์ผู้มีอายุ 16
ปีเศษ
ซึ่งฟ้องขอให้จำเลยผู้เป็นบิดารับรองโจทก์เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายนั้น
มีสิทธิฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากจำเลยในคดีเดียวกันนี้ได้
เพราะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1556 วรรคสอง
ให้อำนาจเด็กที่มีอายุสิบห้าปีบริบูรณ์ฟ้องคดีให้รับรองเด็กเป็นบุตรได้เองโดยเฉพาะ
อีกทั้งขณะยื่นฟ้องโจทก์ก็ยังไม่เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลย
คดีของโจทก์จึงไม่เป็นคดีอุทลุม ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1562
และการฟ้องของโจทก์ในเรื่องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดู
เป็นผลหลังจากที่มีการรับรองความเป็นบุตรของโจทก์แล้ว
และเป็นเรื่องต่อเนื่องจากการรับรองบุตรนั่นเอง
โจทก์จึงไม่ต้องห้ามมิให้ฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากจำเลย
การที่ศาลล่างทั้งสองให้จำเลยไปจดทะเบียนรับรองบุตรภายใน30 วัน
ถ้าไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยนั้นเป็นการไม่ชอบเพราะตามพระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัวพ.ศ.
2478 มาตรา 20 บัญญัติให้ผู้มีส่วนได้เสียเพียงแต่ยื่นสำเนาคำพิพากษาอันถึงที่สุดซึ่งรับรองถูกต้องแล้ว
เพื่อให้บันทึกในทะเบียนเท่านั้น
ประกอบกับโจทก์มิได้มีคำขอบังคับดังกล่าวมาในคำฟ้องจึงเป็นกรณีที่พิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง
ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142 วรรคแรก.
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1556 การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรในระหว่างที่เด็กเป็นผู้เยาว์
ถ้าเด็กมีอายุยังไม่ครบสิบห้าปีบริบูรณ์ ผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กเป็นผู้ฟ้องแทน
ในกรณีที่เด็กไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรม
หรือมีแต่ผู้แทนโดยชอบธรรมไม่สามารถทำหน้าที่ได้
ญาติสนิทของเด็กหรืออัยการอาจร้องขอต่อศาลให้ตั้งผู้แทนเฉพาะคดีเพื่อทำหน้าที่ฟ้องคดีแทนเด็กก็ได้
เมื่อเด็กมีอายุสิบห้าปีบริบูรณ์
เด็กต้องฟ้องเอง ทั้งนี้
โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมของผู้แทนโดยชอบธรรม
ในกรณีที่เด็กบรรลุนิติภาวะแล้ว
จะต้องฟ้องคดีภายในหนึ่งปีนับแต่วันบรรลุนิติภาวะ
ในกรณีที่เด็กตายในระหว่างที่เด็กนั้นยังมีสิทธิฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรอยู่
ผู้สืบสันดานของเด็กจะฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรก็ได้ ถ้าผู้สืบสันดานของเด็กได้รู้เหตุที่อาจขอให้รับเด็กเป็นบุตรมาก่อนวันที่เด็กนั้นตาย
ผู้สืบสันดานของเด็กจะต้องฟ้องภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่เด็กนั้นตาย
ถ้าผู้สืบสันดานของเด็กได้รู้เหตุที่อาจขอให้รับเด็กเป็นบุตรภายหลังที่เด็กนั้นตาย
ผู้สืบสันดานของเด็กจะต้องฟ้องภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่รู้เหตุดังกล่าว
แต่ทั้งนี้ ต้องไม่พ้นสิบปีนับแต่วันที่เด็กนั้นตาย
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรในระหว่างที่ผู้สืบสันดานของเด็กเป็นผู้เยาว์
ให้นำความในวรรคหนึ่งและวรรคสองมาใช้บังคับโดยอนุโลมประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1562
บัญญัติไว้ว่า “
ผู้ใดจะฟ้องบุพการีของตนเป็นคดีแพ่งหรือคดีอาญามิได้
แต่เมื่อผู้นั้นหรือญาติสนิทของผู้นั้นร้องขอ อัยการจะยกคดีขึ้นว่ากล่าวก็ได้
”
ปรึกษากฎหมายโทร 080-9193691 , 02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer
สาขาเชียงใหม่ โทร 080-3955536 แอดไลน์ @closelawyercmi หรือ คลิก https://lin.ee/Zu2JmNU
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments