สามีภริยาที่จดทะเบียนสมรสกัน แม้ไม่ได้อยู่กินร่วมกันก็มีสิทธิจะฟ้องเรียกค่าทดแทนจากชู้ได้
กรณีสามีหรือภรรยาที่ตกลงปลงใจแยกกันอยู่แล้วต่อมาไม่ได้ไปจดทะเบียนหย่าร้างเนื่องจากสามีหรือภรรยามีนิสัยเจ้าชู้
ชอบหยอกล้อหรือคุยกับกับบุคคลอื่นในทางชู้สาวเป็นประจำจนเป็นเหตุให้ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้
หากมีหญิงอื่นหรือชายใดมาข้องเกี่ยวกับคู่สมรสในทางชู้สาวและแสดงตัวออกหน้า
ถือว่าเป็นเหตุทำให้ฟ้องหย่า
สามีหรือภรรยาที่ถูกนอกใจนั้นเป็นผู้เสียหายเนื่องจากแม้จะแยกกันอยู่แต่ผลความเป็นสามีภรรยายังคงมีอยู่
จึงเป็นการทำให้เกิดความเสียหายได้
ฝ่ายที่ถูกนอกใจย่อมมีสิทธิฟ้องหย่าจากเหตุชู้สาวและเรียกค่าเสียหายต่อผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องในเชิงชู้สาวได้
มาตรา 1523 เมื่อศาลพิพากษาให้หย่ากันเพราะเหตุตาม มาตรา 1516 (1) ภริยาหรือสามีมีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากสามีหรือภริยาและจากผู้ซึ่งได้รับการอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่อง
หรือผู้ซึ่งเป็นเหตุแห่งการหย่านั้น
สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวก็ได้
และภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้
ถ้าสามีหรือภริยายินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจให้อีกฝ่ายหนึ่งกระทำการตาม
มาตรา 1516 (1) หรือให้ผู้อื่นกระทำการตามวรรคสอง
สามีหรือภริยานั้นจะเรียกค่าทดแทนไม่ได้
อ้างถึงคำพิพากษาฎีกาที่ 4130/2548 โจทก์ฟ้องว่า
โจทก์เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ พลตรีทงพานธ์
ศรีอักษร จำเลยแสดงตนโดยเปิดเผยว่าตนมีความสัมพันธ์กับพลตรีทงพานธ์ สามีโจทก์
ในทำนองชู้สาวโดยเข้าไปพักอาศัยอยู่กินอย่างสามีภริยาและเปิดเผยในบ้านหลังเดียวกันกับสามีโจทก์
การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเดือดร้อน ขอให้จำเลยชำระค่าทดแทนจำนวน
500,000
บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี
ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า
จำเลยไม่เคยมีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาวและไม่เคยแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์กันในทำนองชู้สาว
จำเลยไม่เคยพักอาศัยในบ้านเดียวกันกับสามีโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 20,000 บาท
แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี
นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
โดยกำหนดค่าทนายความ3,000 บาท
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 3
แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 50,000
บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี
นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์เพียงเท่าจำนวนทุนทรัพย์ที่ชนะคดี
โดยกำหนดค่าทนายความ 2,000 บาท
ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ของจำเลยให้เป็นพับ
นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า
คดีมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดจ่ายค่าทดแทนให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค
3
หรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า ภริยาที่จะมีสิทธิเรียกค่าทดแทนตาม ป.พ.พ.
มาตรา 1523 วรรคสอง
จะต้องเป็นภริยาที่อยู่ร่วมกับสามีฉันสามีภริยาและอุปการะเลี้ยงดูซึ่งกันและกัน
แต่คดีนี้โจทก์กับสามีนอกจากจะมิได้อยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาแล้ว ยังมีคดีฟ้องหย่ากันก่อนที่จะเกิดเหตุตามฟ้อง
และปัจจุบันศาลได้พิพากษาให้โจทก์กับสามีหย่ากันแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าทดแทนให้แก่โจทก์จึงไม่ชอบ เห็นว่า ป.พ.พ. มาตรา 1523
วรรคสอง
เป็นบทบัญญัติที่ให้สิทธิแก่ภริยาชอบด้วยกฎหมายที่จะเรียกร้องค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาว
โดยมิได้มีเงื่อนไขว่าภริยาจะต้องเกิดความเสียหายอย่างใดหรือจะต้องเป็นภริยาที่อยู่กินกับสามีและอุปการะเลี้ยงดูกัน
หรือต้องไม่มีคดีฟ้องหย่ากันอยู่ดังที่จำเลยฎีกา ดังนั้นโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้แม้โจทก์กับสามีจะมีพฤติการณ์ดังที่จำเลยกล่าวอ้าง
ที่
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าทดแทนแก่โจทก์ชอบแล้ว
ปรึกษากฎหมายโทร 080-9193691 , 02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments