เงินบำเหน็จตกทอดหรือเงินชดเชยจากประกันชีวิตไม่เป็นมรดกของผู้ตาย
บางกรณีเป็นที่สงสัยว่าหากผู้ตายมีหนี้อยู่มากและได้ทำประกันชีวิตมีสิทธิได้รับเงินตามกรมธรรม์นั้น
เจ้าหนี้สามารถเรียกเงินจากเงินประกันชีวิตหรือหากเป็นข้าราชการสามารถหักเงินจำบำเหน็จได้หรอไม่
แล้วทายาทจะมีเงินเหลือจากส่วนนี้ไหม
คำว่าหนี้จากกองมรดกนั้น
ต้องเป็นทรัพย์สินที่มีอยู่ก่อนเสียชีวิตหรือได้มาก่อนเสียชีวิตจึงจะเป็นทรัพย์มรดก
แต่ทรัพย์สินอื่นใดที่มีหรือเกิดขึ้นหลังจากที่ผู้เสียชีวิตได้สิ้นสภาพบุคคลไปแล้วนั้นย่อมตกแกทายาทโดยธรรมตามลำดับ
แต่ไม่ถือว่าทรัพย์สินส่วนนี้เป็นกองมรดกที่เจ้าหนี้สามารถเรียกเอาได้นั้นเอง
มาตรา 1600
ภายใต้บังคับของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้
กองมรดกของผู้ตายได้แก่ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย
ตลอดทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่าง ๆ เว้นแต่ตามกฎหมายหรือว่าโดยสภาพแล้ว
เป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้
อ้างถึงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 821/2554 ผู้ตายทำสัญญาประกันชีวิตไว้กับบริษัทประกันชีวิต
โดยระบุภริยาเป็นผู้รับประโยชน์ ปรากฏว่าภริยาผู้ตายถึงแก่ความตายก่อนผู้ตาย
เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตาย
บริษัทประกันชีวิตสั่งจ่ายตั๋วแลกเงินระบุชื่อภริยาผู้ตายเป็นผู้รับเงิน ดังนี้ เงินตามสัญญาประกันชีวิตมิใช่ทรัพย์สินที่ผู้ตายมีอยู่ในขณะถึงแก่ความตายจึงไม่ใช่มรดกของผู้ตาย
ส่วนภริยาผู้ตายซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยก็ถึงแก่ความตายไปก่อนผู้ตาย
ย่อมไม่อยู่ในฐานะผู้รับประโยชน์ที่จะได้รับเงินตามสัญญาประกันชีวิต สิทธิของภริยาผู้ตายที่จะได้รับเงินตามกรมธรรม์ประกันภัยยังไม่เกิดขึ้น
เงินตามตั๋วแลกเงินจึงไม่เป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทของภริยาผู้ตาย
แม้เงินตามตั๋วแลกเงินจะมิใช่ทรัพย์มรดกของผู้ตายแต่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
บรรพ 6
ลักษณะมรดกเป็นบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งในอันที่จะใช้บังคับแก่เงินตามสัญญาประกันชีวิต
เงินตามตั๋วแลกเงินจึงควรตกแก่ทายาทโดยธรรมของผู้ตายเสมือนหนึ่งเป็นทรัพย์มรดก
อ้างถึงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2525
เงินบำเหน็จที่จะตกได้แก่บรรดาทายาทผู้มีสิทธิของผู้ตาย
ตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญ พ.ศ.2494 นั้น
มิใช่มรดกของผู้ตาย
การที่จำเลยแจ้งให้กรมการเงินกระทรวงกลาโหมหักเงินบำเหน็จตกทอดของผู้ตายเพื่อใช้หนี้จำเลยนั้น
เป็นการมอบหมายให้เป็นตัวแทนในการเจรจาตกลงกับทายาทผู้ตาย
การที่มารดาโจทก์ไปตกลงให้หักเงินบำเหน็จตกทอดของผู้ตายที่จะได้แก่โจทก์บางส่วนชำระหนี้แก่จำเลยนั้น เป็นการทำนิติกรรมอย่างหนึ่งที่ได้กระทำไปแทนโจทก์ซึ่งเป็นผู้เยาว์ และเป็นผลให้โจทก์ต้องชำระหนี้เมื่อมารดาโจทก์ไม่ได้รับอนุญาตจากศาลจึงเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1574(13) ข้อตกลงดังกล่าวย่อมตกเป็นโมฆะจำเลยไม่มีมูลที่จะอ้างเพื่อการชำระหนี้จากโจทก์ได้
ปรึกษากฎหมายโทร 080-9193691 , 02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments