ผู้จัดการมรดกไม่จัดแจงทรัพย์สินให้แก่ทายาท กลับใส่ชื่อของตนเองไว้เป็น “ยักยอกทรัพย์มรดก”
ผู้จัดการมรดกไม่จัดแจงทรัพย์สินให้แก่ทายาท กลับใส่ชื่อของตนเองไว้เป็น “ยักยอกทรัพย์มรดก”
ปัญหาพี่น้องทะเลาะกันเหตุเกิดจากการแบ่งทรัพย์มรดกไม่เคลียร์หรือมีการแอบโอนเป็นของตนเองเกินกว่าที่ควรจะได้
ทำให้ทายาทคนอื่นเกิดความเสียหายก็มีเยอะ
ซึ่งเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ตามกฎหมายอาญาได้
ท่านต้องตรวจสอบทรัพย์สินให้ดีว่าทรัพย์มรดกมีอะไรบ้างมิเช่นนั้นจะเป็นการเสียประโยชน์จากกองมรดก
ตัวอย่าง นางวิภา(ผู้ตาย)
มีสามีคือนายโกสน จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายและมีบุตรด้วยกันทั้งหมด 5 คน
ระหว่างมีชีวิตนั้นผู้ตายเป็นคนเรียนหนังสือเก่งและขยันทำงาน จึงมีทรัพย์มรดก
คือที่ดินจำนวน 100 ไร่ เงินสดอีก 20 ล้านบาทเป็นทรัพย์มรดก และได้ตั้งนายโกสน
สามีเป็นผู้จัดการทรัพย์มรดก เพื่อที่จะนำทรัพย์สินดังกล่าวมาแบ่งกับทายาท
คือตนเอง และลูกๆ อีก 5 คน เท่าๆ กัน ปรากฏว่าหลังจากนางวิภาถึงแก่ความตาย
นายโกสนได้ไปติดพันสาวคาราโอเกะและรักใคร่กัน
เป็นเหตุที่ไม่อยากจะแบ่งทรัพย์สินให้แก่ลูก เพื่อที่จะนำไปสร้างอนาคตกับรักครั้งใหม่ของตน
จึงทำการฮุบเงินจำนวน 10 ล้านบาท และ โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจำนวน 80 ไร่เป็นของตนเอง
และนำส่วนที่เหลือไปแบ่งกับลูกๆ ทั้ง 5 คน
จากตัวอย่างนายโกสนในฐานะผู้จัดการทรัพย์มรดกของทายาททุกคน
จะต้องทำการแบ่งทรัพย์ให้เป็นไปตามส่วนที่ควรจะได้ตามกฎหมาย
กลับเบียดบังทรัพย์อันเป็นเงินและที่ดินอันมรดกมาเป็นของตนเองโดยเจตนาทุจริต
อันเป็นการกระทำความผิดฐานยักยอกทรัพย์ และ ยักยอกทรัพย์มรดก ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา
353 และ 354
อ้างถึงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 987/2554 จำเลยที่
1
เป็นผู้ครอบครองทรัพย์มรดกที่ดินพร้อมตึกแถวพิพาท แต่เมื่อจำเลยที่ 1
เป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล
ได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของผู้อื่น กระทำผิดหน้าที่ของตนโดยทุจริต โดยจดทะเบียนโอนทรัพย์สินนั้นเป็นของตน
เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของผู้อื่น
เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา. มาตรา 353 ประกอบด้วยมาตรา
354 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว จึงไม่จำต้องปรับบทลงโทษตามมาตรา 352
ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก
แม้จำเลยที่ 2
และที่ 3 รับโอนทรัพย์มรดกจากจำเลยที่ 1
โดยไม่สุจริตอันเป็นการสมคบกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดด้วยก็ตาม
แต่ก็ไม่อาจลงโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในฐานเป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่
1 ได้ เพราะจำเลยที่ 2 และที่ 3
ไม่ได้กระทำในฐานเป็นผู้จัดการมรดกของผู้อื่นตามคำสั่งศาล คงลงโทษได้เพียงผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353,354 ประกอบด้วยมาตรา 86
มาตรา 352 ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น
หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย
เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอก
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าทรัพย์นั้นได้ตกมาอยู่ในความครอบครองของผู้กระทำความผิด
เพราะผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิดไปด้วยประการใด
หรือเป็นทรัพย์สินหายซึ่งผู้กระทำความผิดเก็บได้ ผู้กระทำต้องระวางโทษแต่เพียงกึ่งหนึ่ง
มาตรา 353
"ผู้ใดได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของผู้อื่น
หรือทรัพย์สินซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย
กระทำผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใดๆ โดยทุจริต
จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของผู้นั้น
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"
มาตรา 354
"ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 352 หรือมาตรา
353 ได้กระทำในฐานที่ผู้กระทำความผิดเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของผู้อื่นตามคำสั่งของศาล
หรือตามพินัยกรรม หรือในฐานเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจ
อันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี
หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"
ปรึกษากฎหมายโทร 080-9193691 , 02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments