ใช้ให้ไปถอนเงินจากธนาคาร แต่ถอนเกิดกว่าที่ใช้ไปทำ “ เป็นความผิดฐานฉ้อโกงธนาคาร “
นายจ้างบางท่านอาจจะเคยใช้ให้ลูกน้องไปถอนเงินหรือกดเงินสดออกจาก
ATM
แทนตนเอง แต่ลูกน้องกลับถอนเงินมามากกว่าที่ใช้ให้ไปทำ
และนำเงินที่กดเกินมานั้นเก็บไว้ใช้เป็นของตนเองโดยไม่บอกผู้ใช้ไป
กรณีดังกล่าวเป็นความผิดต่อกฎหมายอาญา ผู้ใช้เป็นผู้เสียหาย
ตัวอย่าง
นายชัย เปิดร้านทำธุรกิจค้าส่งมีลูกน้องมากมายหลายคน
แต่มีนายสิงห์เป็นฝ่ายบัญชีและการเงิน โดยมีหน้าที่อีกอย่างหนึ่งคือต้องไปถอนเงินสดโดยใช้ใบเบิกเงินเดือนละ
3,000
บาท เพื่อนำมาให้แม่บ้านใช้จ่ายตลาดทำกับข้าวมื้อเที่ยงเลี้ยงพนักงานทุกวัน
นายชัยจึงมอบใบถอนเงินสดของตนเองไว้ให้สำหรับไปถอนเงิน แต่ปรากฏว่าในเกิดเหตุ
นายสิงห์กลับถอนเงินโดยตั้งใจเขียนจำนวนเงินออกมา 30,000 บาท
จึงคิดจะนำเงินนั้นมาใช้ก่อนจ่ายส่วนตัวก่อน แล้วจึงทยอยมอบเงินให้กับแม่บ้านครั้งละ
3,000 บาทแทน
การกระทำของนายสิงห์เป็นการกระทำโดยเจตนาทุจริต
ใช้ข้อมูลอันเป็นเท็จหลอกลวงให้ได้ประโยชน์ในตัวเงินที่จะได้มาจากธนาคาร
จึงมีความผิดต่อพนักงานธนาคารที่ทำการจ่ายเงินให้ตามที่ถูกหลอก ผิดข้อหาฉ้อโกง
อ้างถึงคำพิพากษาฎีกาที่ 9663/2554
ผู้เสียหายไม่ได้มอบหมายให้จำเลยเบิกเงิน 490,000 บาท จากบัญชีของผู้เสียหายที่เปิดไว้ที่ธนาคาร
แต่เป็นเจตนาของจำเลยที่ต้องการได้เงินโดยมิชอบและหาวิธีการโดยการปลอมใบถอนเงินนำไปหลอกลวงเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินจำนวนดังกล่าว
ดังนั้น เงินที่จำเลยได้มาตามฟ้อง
แม้จะเป็นเงินที่เจ้าหน้าที่ธนาคารทำพิธีการทางบัญชีของธนาคารหักจากบัญชีของผู้เสียหายก็ตาม
แต่เป็นเพราะจำเลยนำเอกสารปลอมไปหลอกลวงจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ของธนาคารหลงเชื่อ
เงินที่จำเลยได้ไปจึงเป็นเงินของธนาคาร มิใช่เงินของผู้เสียหาย ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 672 จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานยักยอกเงินผู้เสียหาย
แต่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงธนาคาร
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยยักยอกเงินของผู้เสียหาย
เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาฟังไม่ได้ว่าจำเลยยักยอกเงินผู้เสียหาย
แต่ฟังได้ว่าจำเลยฉ้อโกงธนาคารจึงเป็นความผิดต่อผู้เสียหายต่างคนจากที่โจทก์บรรยายในฟ้อง
ถือเป็นข้อเท็จจริงแตกต่างจากที่กล่าวในฟ้องในข้อที่เป็นสาระสำคัญ
ไม่อาจลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา. มาตรา 192
วรรคสอง และไม่อาจสั่งให้จำเลยคืนเงินแก่ผู้เสียหายได้เช่นกัน
มาตรา
341
ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ
หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง
และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม
หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ปรึกษากฎหมายโทร
080-9193691
, 02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ
คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments