ที่งอกริมตลิ่งย่อมเป็นกรรมสิทธิ์แก่เจ้าของที่ดินนั้น
บทความนี้กล่าวถึงเรื่องที่ดินงอกเพิ่มขึ้นมาจากตลิ่งซึ่งติดกับแม่น้ำ
ลำธาร หนอง คลอง ต่างๆ ย่อมเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่ดินนั้นๆ
แต่ต้องเป็นที่งอกจากฝั่งที่ดินของตนเอง น้ำท่วมไม่ถึง
เกิดขึ้นโดยธรรมชาติไม่ใช่เกิดจากการกระทำของมนุษย์
ตัวอย่าง นายดำซื้อที่ดินติดแม่น้ำมา
1 ไร่ ปรากฏว่าอยู่ไปได้นานหลายสิบปี
นายชาญวิทย์ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานกรมเจ้าท่าได้มีโครงการสร้างแนวเขื่อนปูนล้อมลอบปากทางน้ำ
เพื่อมิให้ทรายปิดปากทางน้ำได้
เมื่อโครงการแล้วเสร็จทำให้น้ำไม่สามารถท่วมถึงที่ดินของนายดำได้เมื่อถึงเวลาตามฤดูฝน
จึงถือว่านายดำได้ที่งอกริมตลิ่งมาโดยชอบแล้ว
ดังนั้นเมื่อดูจากข้อเท็จจริงแล้ว แม้ที่งอกริมตลิ่งจะมิได้เกิดตามธรรมชาติก็ตามแต่นายชาญวิทย์ก็มิได้มีเจตนาทำให้ที่ดินของนายดำมีที่งอกริมตลิ่งเพิ่มขึ้น
อีกทั้งนายดำก็มิได้มีส่วนในการจะทำให้เกิดที่งอกขึ้นมานั้น สิทธิของนายดำที่ได้มาจึงชอบแล้ว
อ้างถึงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10534/2551 "โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสองและบริวารพร้อมทั้งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกไปจากที่งอกริมตลิ่งของที่ดินของโจทก์
โดยหากโจทก์ให้บุคคลอื่นเช่าที่ดินพิพาทจะได้ค่าเช่าไม่น้อยกว่าเดือนละ 9,000
บาท จำเลยทั้งสองให้การในตอนแรกว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณะ
ไม่ใช่ที่งอกตามธรรมชาติ โจทก์ไม่ได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาท แต่จำเลยที่ 1
กับสามีและบุตรของจำเลยที่ 1 ร่วมกันยึดถือครอบครองโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาเกินกว่า
10 ปีแล้ว แต่ตอนหลังกลับให้การว่า
หากที่ดินพิพาทเป็นที่งอกตามธรรมชาติของที่ดินโจทก์
ที่ดินก็ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 กับสามีและบุตรของจำเลยที่
1 โดยการครอบครองแล้ว เห็นว่า
คำให้การของจำเลยทั้งสองเป็นคำให้การที่ขัดแย้งกันเอง
ไม่ชัดแจ้งว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือเป็นที่สาธารณะไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา
177 วรรคสอง จึงไม่มีประเด็นว่าจำเลยที่ 1 ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์หรือไม่
จึงไม่ใช่คดีมีทุนทรัพย์ แต่เป็นคดีฟ้องขับไล่บุคคลใด ๆ ออกจากอสังหาริมทรัพย์
เมื่อปรากฏว่าอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละ 10,000 บาท จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 248 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง
ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7
ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 238 ประกอบมาตรา 247 คดีนี้คงมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่า
ที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์เพราะเป็นที่งอกริมตลิ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ 8894
และ 8895 ตำบลชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
ของโจทก์หรือไม่ ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ฟังข้อเท็จจริงว่า
ที่ดินพิพาทเป็นที่งอกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 8894 และ 8895
ซึ่งเกิดจากการสะสมตัวของตะกอนทรายชายหาดเนื่องจากมีสิ่งก่อสร้างเป็นเขื่อนหินยื่นลงไปในทะเลใกล้กับที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวของโจทก์
ทำให้กีดขวางการเคลื่อนย้ายของตะกอนทรายชายฝั่งทะเลและกักเก็บตะกอนทรายนี้ให้สะสมตัว
ทำให้ที่งอกเกิดขึ้น ไม่ใช่เกิดจากมนุษย์นำไปถม
วัตถุประสงค์ในการสร้างเขื่อนหินของบริษัทชลประทานซีเมนต์ จำกัด
ผู้สร้างเขื่อนหินเพื่อกันมิให้ทรายเปิดปากคลอง
ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดที่งอกริมตลิ่ง โจทก์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างเขื่อนหินดังกล่าว
ที่งอกเกิดขึ้นติดต่อเป็นแปลงเดียวกับที่ดินเดิมโฉนดเลขที่ 8894 และ 8895 ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า
การเกิดที่งอกในคดีนี้มิได้เป็นไปตามธรรมชาติ
แต่เกิดจากการสร้างเขื่อนหินของบริษัทชลประทานซีเมนต์ จำกัด ทำให้กีดขวางการเคลื่อนย้ายตะกอนชายฝั่งเกิดที่งอกขึ้นโดยรวดเร็วไม่เป็นไปตามธรรมชาตินั้น
เห็นว่า
แม้ที่งอกอันเป็นที่ดินพิพาทในคดีนี้จะเกิดขึ้นจากการที่บุคคลอื่นสร้างเขื่อนหินยื่นลงไปในทะเลใกล้กับที่ดินโฉนดเลขที่
8894 และ 8895 ของโจทก์ทำให้เกิดการสะสมของตะกอนทรายแล้วเกิดที่งอกจากที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวของโจทก์
เมื่อโจทก์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างเขื่อนหินดังกล่าว
ก็ถือได้ว่าที่งอกของที่ดินของโจทก์เป็นที่งอกที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
โจทก์จึงเป็นเจ้าของที่งอกดังกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1308
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 วินิจฉัยชอบแล้วฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง คดีนี้เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 7
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์ภาค 7 จะต้องสั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นด้วย แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 7
ยังไม่ได้สั่ง ศาลฎีกาจึงสั่งเสียให้ถูกต้อง"
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและในชั้นฎีกาให้เป็นพับ
มาตรา 1308 "ที่ดินแปลงใดเกิดที่งอกริมตลิ่ง
ที่งอกย่อมเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่ดินแปลงนั้น"
ที่งอก หมายความถึง ที่ดินซึ่งติดพื้นน้ำงอกออกไปจากตลิ่ง
ในฤดูน้ำหรือเวลาน้ำขึ้นปกติน้ำท่วมไม่ถึง ต่างจากที่ชายตลิ่งซึ่งน้ำท่วมถึง
ที่งอกริมตลิ่งอาจจะงอกออกไปจากริมแม่น้ำ ริมบึง ริมทะเลสาบ ริมทะเล ก็ได้
ปรึกษากฎหมายโทร
080-9193691
, 02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ
คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments