เซ็นชื่อแทนกัน แม้เจ้าของลายเซ็นจะยินยอมก็เป็นการปลอมลายมือชื่อ
การลงชื่อบุคคลอื่นลงในเอกสารนั้น
ไม่มีกฎหมายไทยให้สิทธิบุคคลใดๆกระทำการแทนกันได้
โดยหากมีการมอบหมายให้กระทำการแทนนั้น บุคคลก็จะต้องทำการมอบอำนาจต่อกันไป
ซึ่งจะทำเป็นหนังสือหรือด้วยวาจาก็แล้วแต่กรณี
หากการที่มอบหมายให้กระทำไปนั้นต้องทำเป็นหนังสือ การมอบอำนาจก็ต้องมีหนังสือมอบอำนาจด้วย
เช่น มอบอำนาจให้ไปโอนที่ดิน หรือมอบอำนาจให้ทำสัญญาแทน
แต่ถ้ามอบอำนาจไปทำในสิ่งที่สามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือ เช่น
ให้ไปซื้อกับข้าวแทน หรือใช้ไปชำระหนี้แทน
แบบนี้ก็ไม่ต้องมอบอำนาจเป็นหนังสือเช่นกัน
ซึ่งในการมอบอำนาจนี้
ผู้รับมอบอำนาจก็ต้องลงชื่อในฐานะผู้รับมอบอำนาจเอง
ไม่ใช่ปลอมลายเซ็นหรือเซ็นแทนผู้มอบอำนาจ และหากมีการปลอมหรือเซ็นแทนผู้มอบอำนาจ
ก็ย่อมเป็นการปลอมเอกสาร ไม่ว่าผู้มอบอำนาจจะยินยอมให้ปลอมหรือไม่ก็ตาม
อย่างไรก็ดี แม้เรื่องดังกล่าวจะมีลักษณะเป็นการปลอมเอกสาร แต่การจะเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารต้องเป็นการปลอมในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายด้วย
เมื่อมีการยินยอมให้ลงชื่อแทน แม้จะเป็นการปลอมเอกสาร
แต่ก็ไม่ใช่การปลอมที่จะทำให้ผู้หนึ่งผู้ใดเสียหาย
ผู้ลงชื่อแทนก็ไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2517 ลายมือชื่อนั้นไม่มีกฎหมายให้เซ็นแทนกันได้ แม้จะมอบอำนาจก็เซ็นแทนไม่ได้
จำเลยเซ็นชื่อสามีจำเลยลงในสัญญามัดจำซื้อขายที่ดินจึงเป็นการลงลายมือชื่อปลอม
แต่ความผิดฐานปลอมเอกสารนั้นจะต้องมีลักษณะที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนด้วย
เมื่อผู้เสียหายรู้จักชื่อและตัวสามีจำเลยผู้เป็นเจ้าของที่ดินตลอดจนจำเลยซึ่งเป็นภรรยาอยู่ก่อนแล้ว
ยังได้สมัครใจเข้าทำสัญญากับจำเลยและรู้เห็นว่าจำเลยได้ลงชื่อสามีจำเลยในช่องผู้ให้สัญญาตอนทำสัญญานั้น
จากพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าผู้เสียหายมิได้หลงผิดหรือหลงเชื่อ จึงไม่อยู่ในฐานะที่จะอ้างว่าได้รับความเสียหายตามกฎหมายสามีจำเลยก็ไม่เสียหายเพราะเป็นผู้มอบอำนาจให้จำเลยไว้
จำเลยจึงไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1572/2557 การที่จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อ ล.
ไม่มีกฎหมายให้อำนาจลงลายมือชื่อแทนกันได้ แม้ ล.จะอนุญาตหรือให้ความยินยอม
และเจ้าหน้าที่ผู้จัดทำบันทึกแนะนำให้จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อ
ล. ก็ลงลายมือชื่อแทนกันไม่ได้ การที่จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อ
ล. ในเอกสารหมาย จ. 2 ถึง จ. 4 จึงเป็นการลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร
แต่ในความผิดฐานแจ้งความเท็จและความผิดฐานปลอมเอกสารนี้จะต้องได้ความด้วยว่าอยู่ในลักษณะที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนหรือไม่
เมื่อได้ความจากโจทก์ร่วมว่าโจทก์ร่วมลงลายมือชื่อโอนลอยในคำร้องโอนสิทธิการเช่าสัญญาเช่าอาคารดังกล่าวโดยไม่ได้สนใจว่าใครจะนำเอกสารดังกล่าวไปกรอกข้อความอย่างไร
แสดงให้เห็นว่า โจทก์ร่วมพอใจในราคาค่าตอบแทนการโอนสิทธิการเช่าเสียมากกว่า
หาใช่มีข้อตกลงโอนสิทธิการเช่าอาคารพิพาทให้แก่จำเลยที่ 1 โดยเจาะจงแต่อย่างใดไม่ สอดคล้องกับที่ ส. เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลสตึก
พยานโจทก์และโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้จัดทำเอกสารเกี่ยวกับคำร้องโอนสิทธิการเช่าเบิกความว่า
โจทก์ร่วมประสงค์จะโอนสิทธิการเช่าอาคารพิพาทให้แก่ ล.
ทั้งใบเสร็จรับเงินค่าคำร้องโอนสิทธิการเช่าอาคารตามเอกสารหมาย จ. 5 ก็ระบุว่าได้รับเงินจาก ล.
จากพฤติการณ์ดังกล่าวโจทก์ร่วมและเทศบาลตำบลสตึกไม่อยู่ในฐานะที่จะอ้างว่าได้รับความเสียหาย
ปรึกษากฎหมายโทร
080-9193691 ,
02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ
คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments