กรณีถูกทำร้ายร่างกาย จะป้องกันตัวอย่างไรให้ถูกกฎหมาย
ปัญหาการทะเลาะวิวาทในปัจจุบันทวีความรุนแรงขึ้น
โดยใช้อาวุธและผู้กระทำความผิดนั้นมีอายุต่ำลงทุกวัน
โดยสาเหตุในการก่อเหตุนั้นมีหลายปัจจัย เช่น เมาสุรา ขาดสติ เพื่อนยุยง เป็นต้น
ฝ่ายที่ถูกทำร้ายสามารถป้องกันตนเองห้พ้นจากภยันตรายได้
หากได้กระทำพอสมควรแก่เหตุแล้วนั้น ไม่มีความผิด
เพราะถือว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ตัวอย่างเช่น จำเลยพยายามหลีกเลี่ยงที่จะมีเรื่องกับผู้ตาย
เมื่อผู้ตายถือมีดเข้ามาท้าทาย จำเลยเพียงแต่ใช้มือผลักอกผู้ตายเท่านั้น
การที่ผู้ตายยังเข้าไปหาจะใช้มีดฟันจำเลยอีก
จำเลยจึงถีบผู้ตายและใช้มีดฟันผู้ตายไป “เพียงครั้งเดียว”
แม้ผู้ตายจะมีอาการมึนเมาสุรา แต่ตามลักษณะอาการของผู้ตายแสดงว่ายังครองสติได้
การมึนเมาสุราดังกล่าวจะยกขึ้นมาเพื่อฟังให้เป็นโทษแก่จำเลยไม่ได้
พฤติการณ์ถือได้ว่า จำเลยฟันผู้ตายเพื่อป้องกันตนเอง
ให้พ้นจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงและได้กระทำไปพอสมควรแก่เหตุ
จึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย “จำเลยไม่มีความผิด” (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8879/2542 )
“ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ได้ความจากคำเบิกความของประจักษ์พยานโจทก์ว่า
หลังจากที่ผู้ตายและจำเลยต่างกลับไปบ้านเอามีดและมีดดาบซึ่งมีความยาวใกล้เคียงกันมาแล้ว
จำเลยมานั่งเล่นตู้ม้าอยู่ ผู้ตายถือมีดมาท้าทายจำเลย จำเลยใช้มือผลักอกผู้ตาย
แต่ผู้ตายกลับเข้าไปจะฟันจำเลย
จำเลยใช้เท้ายันผู้ตายเซถลาไปและหยิบมีดซึ่งวางอยู่ข้างตัวฟันผู้ตาย ๑ ครั้ง
ตามพฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวย่อมเห็นได้ว่า
จำเลยพยายามหลีกเลี่ยงที่จะมีเรื่องกับผู้ตาย
โดยครั้งแรกเมื่อผู้ตายถือมีดเข้ามาท้าทายจำเลยเพียงแต่ใช้มือผลักอกผู้ตายเท่านั้น
หากจำเลยมีเจตนาจะทำร้ายหรือเจตนาฆ่าผู้ตาย จำเลยย่อมใช้มีดฟันผู้ตายในขณะนั้นแล้ว
แต่จำเลยก็ไม่กระทำ การที่ผู้ตายยังเข้าไปหาจะใช้มีดฟันจำเลยอีก
จำเลยจึงถีบผู้ตายและใช้มีดฟันผู้ตายไปเพียงครั้งเดียว
ซึ่งถ้าจำเลยไม่กระทำเช่นนั้นก็อาจถูกผู้ตายใช้มีดฟันจำเลยได้
แม้ผู้ตายจะมีอาการมึนเมาสุรา แต่ตามลักษณะอาการของผู้ตายแสดงว่ายังครองสติได้
ทั้งการมึนเมาสุราดังกล่าวจะยกขึ้นมาเพื่อฟังให้เป็นโทษแก่จำเลยไม่ได้
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวถือได้ว่า
จำเลยฟันผู้ตายเพื่อป้องกันตนเอง
ให้พ้นจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงและได้กระทำไปพอสมควรแก่เหตุ
จึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่มีความผิด ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
ปรึกษากฎหมายโทร
080-9193691
, 02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ
คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer