เมื่อผู้เช่าไม่จ่ายค่าเช่า ผู้ให้เช่าสามารถบอกเลิกสัญญา ตัดน้ำ ล็อคห้อง ได้ทันทีหรือไม่ ?
ปกติแล้วไม่สามารถทำได้
แม้การไม่ชำระค่าเช่าจะเป็นเหตุตามกฎหมายที่ผู้ให้เช่าสามารถใช้บอกเลิกสัญญาโดยชอบด้วยกฎหมายได้ก็ตาม
แต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 560 วรรคสอง นั้น
กำหนดให้ผู้ให้เช่าบอกกล่าวแก่ผู้เช่าก่อนว่าให้ชำระค่าเช่า
โดยให้ระยะเวลาไม่น้อยกว่า 15 วัน
หากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวไปแล้ว ผู้เช่าไม่ยอมชำระค่าเช่า ถึงบอกเลิกสัญญาได้
ดังนั้นการบอกเลิกสัญญาเช่าที่ถูกต้องตามกฎหมาย
จึงต้องมีการให้ระยะเวลาผู้เช่าก่อนนั่นเอง
แต่กฎหมายว่าด้วยเรื่องการบอกกล่าวตามมาตรา 560 วรรคสองนั้น
ไม่ใช่กฎหมายเกี่ยวเนื่องด้วยความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
คู่สัญญาระหว่างผู้เช่าและผู้ให้เช่าจึงอาจตกลงเป็นอย่างอื่นได้
และถือเอาข้อตกลงของคู่สัญญาเป็นสำคัญ โดยหากมีข้อตกลงให้บอกเลิกสัญญาเช่าได้ทันทีแล้ว
ก็ต้องถือว่าสามารถใช้บังคับได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3767/2547
สัญญาเช่าตึกแถวมีข้อกำหนดว่า
ถ้าผู้เช่าประพฤติผิดล่วงละเมิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใด
หรือกระทำผิดวัตถุประสงค์ข้อหนึ่งข้อใด ผู้เช่ายอมให้ผู้ให้เช่าทรงไว้ซึ่งสิทธิที่จะเข้ายึดครอบครองสถานที่เช่าได้
และมีสิทธิบอกเลิกสัญญาทันที เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าให้แก่โจทก์
โจทก์จึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าได้ทันทีโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนตามบทบัญญัติแห่ง
ป.พ.พ. มาตรา 560 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2680/2547
ป.พ.พ. มาตรา 560 วรรคสอง
เป็นบทบัญญัติที่ใช้บังคับในกรณีที่คู่สัญญาไม่ได้มีข้อตกลงเรื่องการบอกเลิกสัญญาเช่ากันไว้เป็นอย่างอื่น
เมื่อสัญญาเช่าระบุให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าได้ทันทีในกรณีโจทก์กระทำผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใดและโจทก์กระทำผิดสัญญาแล้ว
จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงบอกเลิกสัญญาเช่าได้ทันทีโดยไม่จำต้องบอกกล่าวให้โจทก์ชำระค่าเช่าก่อน
ส่วนการเข้าไปงัดห้อง ล็อกห้อง หรือตัดไฟ สามารถทำได้หรือไม่นั้น
เรื่องดังกล่าวไม่ได้มีกฎหมายให้อำนาจไว้ ผู้ให้เช่าในฐานะผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ให้เช่า
ย่อมสามารถกระทำต่อทรัพย์อันเป็นกรรมสิทธิ์ของตนได้
แต่หากเป็นการกระทำที่ส่งผลร้ายต่อผู้เช่าแล้ว
ผู้ให้เช่าต้องพิจารณาดูข้อกำหนดในสัญญาเช่าของตนด้วย ว่า
เรื่องดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิตามสัญญาของผู้ให้เช่าหรือไม่หากเป็นเรื่องที่ระบุไว้ในสัญญาก็ถือว่าเป็นการใช้สิทธิตามสัญญาโดยชอบ
ผู้ให้เช่าไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา แต่กลับกัน
หากไม่มีข้อสัญญาตกลงกันไว้ว่ายินยอมให้กระทำดังกล่าว ก็ย่อมเป็นความผิดตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4854/2537
หนังสือสัญญาเช่าห้องพักระหว่างบ.ผู้เช่ากับจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าข้อ 3 ระบุว่า
"ผู้เช่ายอมชำระค่าเช่าให้แก่ผู้ให้เช่าภายในวันที่ 30 ของเดือนทุก ๆ เดือน ถ้าไม่ชำระตามกำหนดนี้
ผู้เช่ายอมให้ผู้ให้เช่ายึดเงินประกันของผู้เช่าได้และใส่กุญแจห้องผู้เช่าก็ได้
หรือผู้เช่ายินยอมอนุญาตให้ขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากห้องเช่าได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ"
ข้อ 9 ระบุว่า"ถ้าผู้เช่าประพฤติผิดล่วงละเมิดสัญญาแม้แต่ข้อหนึ่งข้อใด
หรือกระทำผิดวัตถุประสงค์ข้อหนึ่งข้อใด
ยอมให้ผู้ให้เช่าทรงไว้ซึ่งสิทธิที่จะเข้ายึดครอบครองสถานที่และสิ่งที่เช่าได้โดยพลันและมีสิทธิบอกเลิกสัญญาทันที"
และข้อ 10 ระบุว่า
"เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าก็ดีหรือผู้เช่าผิดสัญญาเช่าก็ดี
ผู้เช่ายอมให้ถือว่าผู้เช่ายอมออกจากที่เช่า"
ข้อสัญญาดังกล่าวนี้ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
จึงใช้บังคับได้ เมื่อสัญญาเช่าครบกำหนดเวลาและจำเลยที่ 1 ได้บอกเลิกสัญญาเช่าด้วยแล้ว
บ.และผู้เสียหายซึ่งอยู่ในห้องพิพาทโดยอาศัยสิทธิ บ.
ย่อมไม่มีสิทธิอยู่ในห้องพิพาทต่อไป เมื่อ บ. ไม่ยอมออกไปจากห้องพิพาทจำเลยที่ 1 จึงใช้สิทธิตามหนังสือสัญญาเช่าห้องพัก
โดยเข้าไปในห้องพิพาทแล้วใช้คีมหนีบกุญแจลูกบิดประตู
บานพับหน้าต่างถอดเอาสะพานไฟฟ้าและเครื่องรับโทรศัพท์ในห้องพิพาทออกไปจึงไม่มีมูลความผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4486/2545
โจทก์ทำสัญญาเช่าสถานที่ประกอบการค้ากับจำเลย
เมื่อสัญญากำหนดว่าหากโจทก์ผิดสัญญา จำเลยมีสิทธิปิดกั้นหน้าร้าน
ตัดน้ำและกระแสไฟฟ้าในสถานที่เช่าได้ ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2609/2522
โจทก์ร่วมทำสัญญาเช่าตึกแถวพิพาทจากจำเลยซึ่งมีเงื่อนไขข้อตกลงระบุไว้ในสัญญาเช่าความว่า
หากผู้เช่าผิดนัดไม่ชำระค่าเช่า ผู้เช่ายอมให้ผู้ให้เช่ายึดทรัพย์สินของผู้เช่าได้
และให้มีอำนาจใส่กุญแจอาคารวัตถุแห่งสัญญาเช่าได้ทันทีเมื่อโจทก์ร่วมผิดนัดไม่ชำระค่าเช่า
จำเลยบอกเลิกสัญญาเช่า และต่อมาได้นำเอาโซ่ล่าม
ใส่กุญแจปิดทางเข้าออกตึกแถวพิพาทที่ให้เช่าดังนี้
การกระทำของจำเลยสืบเนื่องมาจากโจทก์ร่วมกระทำผิดสัญญาเช่าดังกล่าวซึ่งให้อำนาจแก่จำเลยที่จะกระทำการตามข้อสัญญาและโดยความยินยอมของโจทก์ร่วมได้จำเลยกระทำไปเพราะเชื่อโดยสุจริตว่า
มีสิทธิที่กระทำตามสัญญาได้
การกระทำของจำเลยจึงขาดเจตนาอันเป็นความผิดทางอาญาไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
ปรึกษากฎหมายโทร
080-9193691
, 02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ
คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments