ผู้ใดรู้ว่ากำลังจะถูกฟ้องหรือถูกฟ้อง ได้ทำการการย้าย ซ่อน โอน ทรัพย์สิน ผู้นั้นมีความผิดฐานโกงเจ้าหนี้!!
บทความนี้ผมขอให้คำแนะนำกับท่านทั้งหลายที่ ณ ตอนนี้กำลังตกเป็นจำเลยในคดีแพ่งและกำลังอยู่ในระหว่างการต่อสู้คดี
หากท่านมีทรัพย์สิน เช่น มีชื่อเป็นเจ้าของบ้าน โฉนดที่ดิน รถยนต์
หรือทรัพย์สินอื่นๆที่โจทก์สามารถบังคับคดีกับท่านได้ หากท่านกำลังมีความคิดว่า
ถ้าเราโอน เปลี่ยนชื่อ ทรัพย์สินออกไปเป็นชื่อของบุคคลอื่นเสียตอนนี้
เจ้าหนี้ก็จะไม่สามารถบังคับคดีได้ เพราะไม่มีทรัพย์สินอะไรให้ยึด ขอแจ้ง ณ
ตอนนี้เลยว่าอย่าทำเด็ดขาด เพราะการกระทำดังกล่าวอาจมีความผิดอาญาฐานโกงเจ้าหนี้
มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 350 ผู้ใดเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน
ซึ่งได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ ย้ายไปเสีย
ซ่อนเร้นหรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์ใดก็ดี
แกล้งให้ตนเองเป็นเจ้าหนี้จำนวนใดอันไม่เป็นความจริงก็ดี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี
หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2187/2557
ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตาม ป.อ. มาตรา 350
ต้องปรากฏว่าเจ้าหนี้ได้ใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ลูกหนี้ชำระหนี้แล้ว
หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ลูกหนี้ชำระหนี้
โดยผู้กระทำต้องรู้ว่าเจ้าหนี้ได้ใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ลูกหนี้ชำระหนี้
หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ลูกหนี้ชำระหนี้ และย้ายไปเสียซึ่งทรัพย์
ซ่อนเร้นทรัพย์ หรือโอนทรัพย์ของลูกหนี้ไปให้แก่ผู้อื่น
เพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16070
- 16072/2555
ตาม ป.อ. มาตรา 350
บัญญัติไว้ชัดเจนว่า
ผู้ใดเพียงแต่รู้ว่าเจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้
แล้วย้ายไปเสีย ซ่อนเร้นหรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์ใด
แกล้งให้ตนเองเป็นหนี้จำนวนใดอันไม่เป็นความจริง ก็ถือว่าเป็นความผิดตามมาตราดังกล่าวแล้ว
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์เป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ 1
ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่
1
รับผิดในเรื่องผิดสัญญาและเรียกค่าเสียหาย
จำเลยที่ 1
ไม่มีทรัพย์สินอื่นใดพอชำระหนี้แก่โจทก์
ขณะที่คดีแพ่งดังกล่าวอยู่ระหว่างบังคับคดีตามคำพิพากษา จำเลยที่ 1
จดทะเบียนโอนที่ดิน 3
แปลง ให้แก่จำเลยที่ 2
โดยเสน่หา
แม้คดีแพ่งดังกล่าวจำเลยที่ 1 ได้ฟ้องแย้ง
และผลคดีอาจจะเปลี่ยนแปลงโดยศาลฎีกาอาจพิพากษาให้จำเลยที่ 1
ชนะคดีตามฟ้องแย้ง
ซึ่งไม่แน่ว่าโจทก์จะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในชั้นที่สุดหรือไม่ก็ตาม
ก็ถือว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานโกงเจ้าหนี้แล้ว
ไม่จำต้องถือเอาคำพิพากษาของศาลที่พิพากษาให้จำเลยที่ 1
รับผิดในทางแพ่งมาเป็นองค์ประกอบของความผิดฐานดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4789/2555
แม้ขณะจำเลยที่ 1
โอนขายที่ดิน
คดีแพ่งที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลก็ตาม
แต่ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตาม ป.อ. มาตรา 350 มิได้บัญญัติให้เจ้าหนี้หมายถึงบุคคลผู้ชนะคดีและคดีถึงที่สุดแล้วเท่านั้น
หากหมายถึงเจ้าหนี้ซึ่งได้ใช้หรือจะใช้สิทธิฟ้องให้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาล
การที่จำเลยที่ 1 โอนที่ดินไปโดยมีเจตนาพิเศษเพื่อว่าเมื่อโจทก์ชนะคดีแพ่งแล้ว
โจทก์อาจไม่สามารถบังคับชำระหนี้จากจำเลยที่ 1 ได้ การกระทำของจำเลยที่ 1
จึงเป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้
ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้เป็นความผิดอันยอมความได้
ผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องร้องหรือแจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดได้ ภายใน 3
เดือน
นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14785/2555
ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ โจทก์บรรยายฟ้องว่า เหตุเกิดวันที่ 25
มีนาคม 2542
แต่โจทก์ไม่ได้ร้องทุกข์เพราะประสงค์จะดำเนินคดีเอง
การที่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2549 โจทก์จะต้องนำสืบให้รับฟังได้ว่า
โจทก์ฟ้องภายในสามเดือนนับแต่วันรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด
เมื่อโจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นเช่นนั้น คดีในความผิดฐานนี้จึงขาดอายุความตาม ป.อ.
มาตรา 96
สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตาม
ป.วิ.อ. มาตรา 39 (6) ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองในฐานความผิดนี้
จึงไม่ถูกต้อง ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยที่ 2
มิได้ยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์
แต่ยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
และเหตุเรื่องคดีขาดอายุความเป็นเหตุในลักษณะคดี
ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 213
วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
เตือนให้ทราบ
อย่ากระทำเด็ดขาดนะครับ มิเช่นนั้นนอกเสียจากต้องชำระเงินในคดีแพ่งตามคำพิพากษาแล้ว
คุณอาจจะถูกฟ้องเป็นคดีอาญาซึ่งมีโทษจำคุกด้วย เรื่องราวจะยิ่งเลวร้ายไปกันใหญ่
ปรึกษากฎหมายโทร
080-9193691
, 02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ
คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer
ปี2563ที่ผ่านมา. เราจะโดนยึดทรัพย์คืนไหม. หรือสามีเก่า. จะ. โดนคดีอาญาหรือไม่. เพราะสามีโอนมาก็ผ่านระยะเวลา มา3ปี. แต่เพิ่งโดนฟ้องล้มละลาย. พอทักทรัพย์. ที่ผ่านมาคือเดือนกันยายน. 2563. หรือถ้าโดนคดี. อาญา. มีทางออกหรือไม่. ช่วยตอบได้ไหมค่ะ เครียดมาก. ขอบคุณค่ะ