การซื้อขายสังหาริมทรัพย์ 20,000 บาทหรือกว่านั้น หากไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ “ฟ้องคดีได้หรือไม่”
ก่อนอื่นผมขออธิบายคำว่า “สังหาริมทรัพย์” เสียก่อน
สังหาริมทรัพย์หมายถึง ทรัพย์สินที่สามารถเคลื่อนที่ได้
ไม่ติดกับพื้นดินเป็นการถาวร โทรศัพท์ ทีวี ตู้เย็น ฯลฯ
การซื้อขายกันถือเป็นเรื่องใกล้ตัวกับเรามากๆเรื่องหนึ่งก็ว่าได้
และการซื้อขายที่มีความเสี่ยงสูงมากคือ ซื้อขายของออนไลน์ ผ่าน Facebook IG กลุ่มไลน์ ต่างๆ ซื้อขายกันตั้งแต่หลักร้อย ถึง หลักล้านก็มี
ปัญหาหลังการซื้อขายก็มีเยอะแยะมาก
กฎหมายจึงวางหลักเรื่องการซื้อขายที่มีมูลค่าสูงเอาไว้ดังนี้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคสาม การซื้อขายสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ 20,000 บาทหรือกว่านั้น
หากไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้รับผิด หรือวางประจำ
หรือชำระหนี้บางส่วน จะฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้ และในทางกลับกันนั้น
หากการซื้อขายสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาน้อยกว่า 20,000 บาท ลงมา
แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้รับผิด หรือวางประจำ
หรือชำระหนี้บางส่วน ก็สามารถฟ้องบังคับกันได้
ที่นี่เรามาดูตัวอย่างจากแนวคำพิพากษาศาลฎีกากันครับ
คำพิพากษาฎีกาที่ 7735/2555
ป.พ.พ. มาตรา 456
วรรคสองและวรรคสาม
นอกจะบัญญัติให้การซื้อขายสังหาริมทรัพย์ซึ่งตกลงกันเป็นราคาสองหมื่นบาทหรือกว่านั้นขึ้นไป
ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญจึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้
หรือได้วางประจำไว้ หรือได้ชำระหนี้บางส่วนไว้
ก็ย่อมฟ้องร้องให้บังคับคดีได้เช่นกัน คดีนี้ข้อเท็จจริงได้ความว่า
ในการซื้อขายต้นอ้อย โจทก์และจำเลยไม่ได้ทำหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายโจทก์หรือจำเลยผู้ต้องรับผิดไว้เป็นสำคัญ
แต่ในวันที่ตกลงซื้อขายกัน
โจทก์ได้ส่งมอบกรรมสิทธิ์ต้นอ้อยให้แก่จำเลยและจำเลยเข้าไปตัดต้นอ้อยของโจทก์ไปขายให้แก่โรงงานน้ำตาล
อันถือได้ว่าโจทก์ชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายคือส่งมอบต้นอ้อยให้จำเลยแล้ว
โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องร้องบังคับให้จำเลยชำระราคาต้นอ้อยได้ตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว
คำพิพากษาฎีกาที่ 7188/2551
จำเลยสั่งซื้อสินค้าและได้รับสินค้าจากโจทก์แล้ว ถือได้ว่า
การซื้อขายสินค้ารายนี้
โจทก์ไม่จำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือและมีลายมือชื่อของจำเลยมาแสดง
การซื้อขายชอบด้วย ป.พ.พ. มาตรา 456 วรรคสองและวรรคสาม
จำเลยต้องชำระเงินค่าสินค้าพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์ตามฟ้อง
คำพิพากษาฎีกาที่ 3522/2545
ตามมาตรา 456
วรรคสอง ที่ว่า ได้มีการชำระหนี้บางส่วนแล้ว
กฎหมายมุ่งบัญญัติให้ใช้บังคับแก่คู่สัญญาทั้งฝ่ายผู้ขายและผู้ซื้อ ดังนั้น
หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้ชำระหนี้ส่วนของตนไปแล้ว
ก็ย่อมจะเรียกร้องเอาสิทธิที่ตนจะได้รับจากอีกฝ่ายหนึ่งได้
เพราสัญญาซื้อขายเป็นสัญญาต่างตอบแทน
เมื่อโจทก์ผู้ขายได้ส่งมอบสินค้าของตนให้แก่จำเลยซึ่งเป็นฝ่ายผู้ซื้อแล้ว
จึงถือได้ว่าโจทก์ได้ชำระหนี้ส่วนของตนแล้ว
โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องให้จำเลยชำระราคาสินค้าแก่โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9231/2544
เมื่อจำเลยสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์
โจทก์จะจัดส่งสินค้าให้แก่จำเลยผ่านบริษัทขนส่งสินค้า โจทก์จะรวบรวม
ใบส่งของชั่วคราวฉบับจริงและใบขนส่งบริษัทขนส่งไว้เป็นหลักฐาน
และจะทำใบวางบิลสรุปยอดหนี้ว่ามีจำนวน เท่าใด และโจทก์ไม่มีหลักปฏิบัติว่าเมื่อค้างสินค้าจนถึงเวลาใดจึงจะไปเรียกเก็บ
แต่โจทก์จะรวบรวมค่าสินค้าที่ค้างชำระไปเรียกเก็บจากจำเลยโดยไม่มีกำหนดเวลา
สัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์และจำเลยจึงเป็นสัญญาต่างตอบแทน
ที่ไม่มีกำหนดเวลาชำระหนี้ ฝ่ายเจ้าหนี้ย่อมจะเรียกให้ชำระหนี้ได้โดยพลัน และฝ่ายลูกหนี้ก็ย่อมจะชำระหนี้ของตนได้โดยพลันดุจกัน
โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ได้ทันทีนับแต่วันที่โจทก์ส่งมอบสินค้าตามใบส่งของ
แต่ละฉบับ มิใช่นับจากวันที่โจทก์สรุปยอดหนี้วางบิลเพื่อเรียกเก็บเงินจากจำเลย
ซึ่งสิทธิเรียกร้องของโจทก์ในฐานะเป็นผู้ประกอบการค้าเรียกเอาค่าของที่ได้ส่งมอบมีอายุความ 2 ปี
นับแต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (1) ประกอบมาตรา 193/12 อายุความจึงเริ่มนับจากวันที่โจทก์ส่งสินค้าให้จำเลยตามวันที่ระบุในใบส่งของแต่ละฉบับ
ดังนั้น หากผู้ซื้อและผู้ขายประสงค์ให้การซื้อขายมีผลทางกฎหมายและสามารถฟ้องร้องบังคับคดีกันได้
ต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
1. ทำหนังสือลงลายมือชื่อผู้รับผิด (ทำสัญญา)
2. วางประจำ (มัดจำ)
3. ชำระหนี้บางส่วน
4. มีหลักฐานใบแจ้งหนี้/ใบวางบิล (ให้ผู้ซื้อเซ็นรับไว้)
ในการดำเนินคดีกันในศาล
พยานหลักฐานนับว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะการพิจารณาคดีของศาลนั้น
ศาลจะพิจารณาจากพยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบกันและที่ปรากฏในสำนวนศาลเท่านั้น
ดังนั้นแล้ว การทำสัญญาซื้อขายจึงนับว่าเป็นเรื่องสำคัญมากเลยทีเดียว
แม้ถึงว่าจะเป็นคู่ค้าหรือทำมาค้าขายกันมานานแสนนานก็เถอะ
เรื่องเงินๆทองๆมันไม่เข้าใครออกใคร
ยิ่งไว้ใจกันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตรายมากเท่านั้น การทำในสิ่งที่ถูกต้อง
ทำในสิ่งที่กฎหมายให้การรับรองการใช้สิทธิเป็นเรื่องที่ควรทำ ทำไว้เถอะครับ
ไม่เสียหายหรอก ถึงเวลาต้องใช้ขึ้นมาจะได้ไม่เสียสิทธิและเสียเปรียบใคร
ปรึกษากฎหมายโทร
080-9193691
, 02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ
คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments