กรณีถูกศาลลงโทษปรับไม่เกิน 8 หมื่น จำเลยอาจขอบำเพ็ญประโยชน์แทนค่าปรับได้

          ในกรณีที่จำเลยถูกศาลพิพากษาให้ชำระค่าปรับนั้น มีหลายเหตุผลที่จำเลยไม่สามารถชำระค่าปรับได้ ไม่ว่าจะด้วยสถานะทางการเงิน หรือภาระค่าใช้จ่ายที่ต่างๆกัน กลับต้องกู้ยืมเงินนอกระบบมาชำระ และต้องถูกกักขังแทนค่าปรับไปอย่างน่าเสียดาย

สำหรับการแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 30/1 ให้สิทธิผู้ต้องหาที่ถูกศาลพิพากษาปรับยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นที่พิพากษาคดีเพื่อขอทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับได้ โดยหากศาลเห็นสมควรแล้ว ศาลก็จะมีคำสั่งให้ผู้นั้นทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับภายใต้การดูแลของพนักงานคุมประพฤติหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องต่อไป

โดยการนับชั่วโมงการทำงานแทนค่าปรับนั้น ประธานศาลฎีกาได้ออกระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการกำหนดจำนวนชั่วโมงที่ถือเป็นการทำงานหนึ่งวัน และแนวปฏิบัติในการให้ทำงานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับและการเปลี่ยนสถานที่กักขัง พ.ศ. 2546 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2560)ไว้ด้วย กล่าวคือ

ในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาปรับไม่เกิน 8 หมื่นบาท หากผู้ต้องโทษปรับมิได้ร้องขอทํางานบริการสังคม หรือทํางานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับในขณะพิพากษาคดี ศาลพึงสอบถามว่าผู้ต้องโทษปรับมีเงิน ชําระค่าปรับหรือไม่ และแจ้งให้ทราบถึงสิทธิที่จะขอทํางานบริการสังคมหรือทํางานสาธารณประโยชน์ แทนค่าปรับ  และให้ศาลจัดให้มีการช่วยเหลือหรืออำนวยความสะดวกในการจัดทำและยื่นคำร้องดังกล่าวด้วย ซึ่งศาลก็จะพิจารณาตามสภาพแวดล้อมและพฤติการณ์อื่นประกอบกันไป

ซึ่งเมื่อผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการดังกล่าวแล้ว ศาลอาจสั่งให้เข้าฝึกอบรมทางศีลธรรมวินัย หรือโครงการอื่นหรือสั่งห้ามยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อเป็นการแก้ไข ฟื้นฟู และป้องกันไม่ให้มีการกระทำความผิดซ้ำอีกก็ได้

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ : http://www.opsc.coj.go.th/doc/data/opsc/opsc_1496719543.pdf

ปรึกษากฎหมายโทร 080-9193691 , 02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer



แบบฟอร์มปรึกษากฎหมาย/คดีความ

กรุณากรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ทีมงานจะตอบคำถามท่านภายใน 3 วัน

ชื่อผู้ตอบ:

Visitors: 630,598