การจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร (กรณีบิดา-มารดามิได้จดทะเบียนสมรสกัน) หากเด็กถึงแก่ความตายแล้ว บิดาไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย
การจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร
(กรณีบิดา-มารดามิได้จดทะเบียนสมรสกัน) หากเด็กถึงแก่ความตายแล้ว
บิดาไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่มีกฎหมายรับรองและคุ้มครองสิทธิไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5661/2559 (ประชุมใหญ่)
การจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายเป็นวิธีการอย่างหนึ่งที่กฎหมายให้สิทธิแก่บิดาที่มิได้สมรสกับมารดากระทำได้
ไม่ว่าเด็กนั้นจะบรรลุนิติภาวะแล้วหรือไม่ก็ตาม
แต่หากเด็กหรือมารดาเด็กคัดค้านว่าผู้ขอจดทะเบียนไม่ใช่บิดา หรือไม่ให้ความยินยอม
หรือไม่อาจให้ความยินยอมได้ การจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรต้องมีคำพิพากษาของศาล
ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1548 วรรคสาม
และในกรณีที่เด็กยังเป็นผู้เยาว์
เด็กหรือมารดาเด็กอาจแจ้งต่อนายทะเบียนว่าบิดาไม่สมควรบิดาไม่สมควรเป็นผู้ใช้อำนาจปกครอง
หรือร้องขอต่อศาลให้พิพากษาว่าผู้ขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรไม่เป็นผู้สมควรใช้อำนาจปกครองทั้งหมดหรือบางส่วนตาม
ป.พ.พ. มาตรา 1549 วรรคสอง
จากบทบัญญัติดังกล่าวแสดงว่ากฎหมายมีเจตนารมณ์ที่จะให้การคุ้มครองประโยชน์และความผาสุขของบุตรโดยให้มีสิทธิและหน้าที่ระหว่างบิดากับบุตรตั้งแต่วันที่เด็กเกิด
กรณีเช่นนี้แม้กฎหมายจะมิได้กำหนดระยะเวลาในการขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรดังเช่นที่บัญญัติไว้ในกรณีของการฟ้องขอให้รับเด็กเป็นบุตร
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1556 วรรคสามและวรรคสี่
และแม้เด็กหรือบิดาของเด็กถึงแก่ความตายแล้ว
ก็ให้สิทธิแก่ผู้สืบสันดานของเด็กหรือเด็กที่จะฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรได้
ทั้งนี้
เพื่อประโยชน์ในการรับมรดกระหว่างกันอันมีบทกฎหมายบัญญัติไว้โดยชัดแจ้งในมาตรา 1556 วรรคสี่ และมาตรา 1558
การร้องขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร
ไม่มีบทกฎหมายบัญญัติรับรองสิทธิโดยชัดแจ้งว่าให้ผู้อ้างว่าเป็นบิดาของเด็กนำคดีไปสู่ศาล
ขอให้ศาลพิพากษาให้จดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรในกรณีที่เด็กถึงแก่ความตายแล้วได้
ซึ่งแตกต่างจากกรณีที่เด็กไม่มีมารดาหรือมารดาถึงแก่ความตาย
โดยมีการตั้งผู้อื่นเป็นผู้ปกครองก่อนมีการจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร
บิดาซึ่งจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ย่อมมีสิทธิร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งถอนความเป็นผู้ปกครองบางส่วนหรือทั้งหมดก็ได้ตามที่บัญญัติไว้ใน
ป.พ.พ. มาตรา 1552 ย่อมเป็นข้อแสดงว่าความมีอยู่ซึ่งสภาพบุคคลของมารดาหรือไม่
มิใช่เป็นข้อสาระสำคัญ ฉะนั้น ความในมาตรา 1548 วรรคสาม
ที่บัญญัติว่า
"ในกรณีที่เด็กหรือมารดาเด็ก...ไม่ให้ความยินยอมหรือไม่อาจให้ความยินยอมได้
การจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรต้องมีคำพิพากษาของศาล" คำว่า
"ไม่อาจให้ความยินยอม" ย่อมหมายถึงกรณีที่เด็กไม่อยู่ในภาวะที่จะให้ความยินยอมได้
เช่น เด็กยังไร้เดียงสา หรือเป็นคนวิกลจริต เป็นต้น
หาใช่เป็นกรณีที่เด็กสิ้นสภาพบุคคลแล้วไม่
เพราะการพิสูจน์ความเป็นบิดากับบุตรโดยอาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ย่อมกระทำได้ยาก
เมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายรับรองและคุ้มครองสิทธิแก่ผู้ร้องในอันที่จะนำเสนอคดีขึ้นสู่ศาลเพื่อขอให้ศาลพิพากษาให้จดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรผู้ร้องย่อมไม่อาจใช้สิทธิทางศาล
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 55
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 55 เมื่อมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้น
เกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลใดตามกฎหมายแพ่ง
หรือบุคคลใดจะต้องใช้สิทธิทางศาล
บุคคลนั้นชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลส่วนแพ่งที่มีเขตอำนาจได้
ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายแพ่งและประมวลกฎหมายนี้
ปรึกษากฎหมายโทร
080-9193691
, 02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ
คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments