คู่สมรสฝ่ายที่ฟ้องหย่าคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง จะมีสิทธิ์ได้รับเงินค่าทดแทนจากคู่สมรสฝ่ายที่ถูกฟ้องก็ต่อเมื่อมีเหตุหย่า ดังต่อไปนี้
1.
เมื่อคู่สมรสฝ่ายที่ถูกฟ้องได้อุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นฉันภริยาหรือภริยามีชู้โดยตนเองมิได้ยินยอมหรือมิได้รู้เห็นเป็นใจแต่ประการใดนอกจากนี้ยังมีสิทธิ์เรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นหรือชายชุดดังกล่าวได้อีกด้วยโดยฟ้องหญิงอื่นหรือชายชู้เป็นจำเลยพร้อมกับคู่สมรสฝ่ายที่ถูกฟ้องในคดีเดียวกันหรือจะฟ้องหญิงอื่นหรือชายชู้เรียกเงินค่าทดแทนเป็นคดีใหม่ต่างหากก็ได้หรือ
2.เมื่อคู่สมรสฝ่ายที่ถูกฟ้องได้ทำร้ายหรือทรมานร่างกายหรือจิตใจหรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามคู่สมรสฝ่ายที่ฟ้องหรือบุพการีของคู่สมรสฝ่ายที่ฟ้องอย่างร้ายแรง
หรือ
3.เมื่อคู่สมรสฝ่ายที่ถูกฟ้องจงใจหรืทิ้งล้างคู่สมรสฝ่ายที่ฟ้องนั้นไปเกินกว่าหนึ่งปีโดยมิใช่การสมัครใจแยกกันอยู่หรือ
4.
เมื่อคู่สมรสฝ่ายที่ถูกฟ้องไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูคู่สมรสฝ่ายที่ฟ้องนั้นตามสมควรหรือ
5.เมื่อคู่สมรสฝ่ายที่ถูกฟ้องกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง
การกำหนดจำนวนเงินค่าทดแทนนี้คู่สมรสฝ่ายที่ฟ้องต้องนำสืบถึงความเสียหายต่างๆที่ตนเองได้รับและพฤติการณ์ต่างๆที่เกี่ยวเนื่องต่อมาด้วยทั้งนี้เพราะศาลจะได้พิจารณาและกำหนดจำนวนเงินค่าทดแทนให้ดังต่อไปนี้
1.จำนวนเงินค่าทดแทนตามเหตุยาข้อหนึ่งข้างต้นนั้นศาลจะกำหนดให้ตามฐานานุรูปหรือตามสถานภาพฐานะตำแหน่งหน้าที่การงานของโจทก์ที่ได้รับความเสียหาย
2. จำนวนเงินค่าทดแทนตามเหตุยาข้อสองถึงข้อสี่ข้างต้นนั้นศาลจะกำหนดให้ตามสมควรแก่พฤติการณ์ในเหตุที่ฟ้องกัน
ในการกำหนดค่าทดแทนที่คู่สมรสฝ่ายหนึ่งจะต้องจ่ายให้แก่คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งดังกล่าวแล้วยังต้องคำนึงถึงส่วนแบ่งจากการแบ่งทรัพย์สินที่เป็นสินสมรสที่คู่สมรสแต่ละฝ่ายได้รับไปด้วยว่ามากน้อยเพียงใดและที่มาของทรัพย์สินที่เป็นสินสมรสนั้นว่าได้มาอย่างไรและในการกำหนดเวลาให้จ่ายค่าทดแทนนี้
ศาลจะสั่งให้ชำระครั้งเดียวหรือแบ่งให้ชำระเป็นงวดงวดก็ได้ตามแต่พฤติการณ์ของแต่ละกรณีไป
เมื่อคู่สมรสได้อุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นฉันภริยานั้นหรือภริยามีชู้นั้นคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิ์ฟ้องเรียกค่าทดแทนจากหญิงดังกล่าวหรือชายชู้ได้โดยไม่ต้องฟ้องอยากคู่สมรสดังกล่าวก็ได้
ค่าทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1523
เป็นค่าเสียหายอย่างหนึ่งที่กฎหมายกำหนดให้ใช้ชุดต้องรับผิดศาลมีอำนาจกำหนดให้ตามฐานานุรูปแห่งผู้ต้องได้รับความเสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2232/2535
เมื่อกรณีมีเหตุที่ทำให้จำเลยระแวงสงสัยว่าโจทก์อุปการะ เลี้ยงดูหญิงอื่น
ถ้อยคำที่โจทก์อ้างว่าจำเลยกล่าวต่อพลทหารรับใช้ ขณะที่โจทก์ไปราชการชายแดนสาปแช่ง
โจทก์ว่า ถ้าพิการก็เลี้ยงดูเอาเอง หากตายจะกลับมาเอาเงิน
ทั้งบุพการีของโจทก์เป็นผู้ใหญ่เสียเปล่า ทำตัวไม่น่านับถือ
หากถ้อยคำดังกล่าวเป็นความจริงก็ไม่เป็นการ
หมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามโจทก์หรือบุพการีของโจทก์เป็นการร้ายแรง
เป็นเพียงถ้อยคำที่จำเลยกล่าวด้วยความน้อยใจที่ทราบว่าโจทก์
อุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่นเท่านั้น
โจทก์อุปการะเลี้ยงดูยกย่องหญิงอื่นฉันภริยาและทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยา
เมื่อจำเลยไม่สามารถทนอยู่กินกับโจทก์และแยกไปอยู่ที่อื่น
มิใช่เป็นกรณีที่จำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์ อันจะเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่า
แต่กรณีดังกล่าวจำเลยมีสิทธิ ฟ้องหย่าได้
การที่โจทก์ยังอุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่นและทำการเป็นปฏิปักษ์ ต่อการเป็นสามีภริยาตลอดมา
การกระทำของโจทก์ยังมีเหตุที่จะให้จำเลยฟ้องหย่าได้ตลอดเวลาที่การกระทำยังไม่สิ้นสุด
ฟ้องแย้งของจำเลย จึงไม่ขาดอายุความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6558/2542
การที่จำเลยกับป. สามีโจทก์ พักอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันในท้องที่ย่านชุมนุมชน
โดยเปิดเผย และมีความสัมพันธ์ฉันสามีภริยาจนมีบุตรด้วยกัน โดยบุตรก็ใช้นามสกุล ของ
ป. ด้วยนั้น เป็นพฤติการณ์ที่แสดงโดยเปิดเผยว่าจำเลยมีความสัมพันธ์กับ
ป.ในทำนองชู้สาวแล้วโดยไม่จำเป็นต้องออกงานสังคมร่วมกับ ป. แต่อย่างใด
ตามปกติภริยาย่อมต้องรักใคร่หวงแหนมิให้สามีไปมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับ
หญิงอื่นเว้นแต่จะมีเหตุผลพิเศษอย่างยิ่ง โจทก์มีความรักและหวงแหน ป.
ผู้เป็นสามีถึงกับต้อง ย้ายจากจังหวัดนครศรีธรรมราชติดตามมาอยู่กับ ป.
ที่จังหวัดจันทบุรีและยังไปร้องเรียน ต่อผู้บังคับบัญชา ป.ให้ว่ากล่าวตักเตือน ป.ให้ยุติความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับจำเลยด้วย
ไม่ปรากฏว่ามีเหตุผลหรือพฤติการณ์พิเศษอย่างใดที่โจทก์มีความจำเป็นต้องยินยอมให้จำเลยมาเป็นภริยาของ
ป. อีกคนหนึ่ง เมื่อจำเลยแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์กับ ป.
ในทำนองชู้สาวโดยโจทก์มิได้ยินยอมเช่นนี้ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1523 วรรคสอง
ค่าทดแทนที่ภริยาเรียกจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมี
ความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวนั้น พิจารณาจากความเสียหายที่ภริยาพึงได้รับ
พฤติการณ์แห่งคดีและสถานะของคู่สมรสเป็นหลัก โจทก์สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย
มหิดลประกอบอาชีพรับราชการนับว่าเป็นผู้มีเกียรติฐานะในวงสังคม โจทก์กับ ป.สมรส
กันมานานถึง 10 ปี มีบุตรด้วยกัน 1 คน สถานะของครอบครัวมีความมั่นคงสมบูรณ์
การกำหนดให้จำเลยใช้ค่าทดแทนแก่โจทก์จำนวน 100,000 บาท นับว่าเหมาะสมแล้ว
ปรึกษากฎหมายโทร
080-9193691
, 02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ
คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer