พิษรักแรงหึง !! ภรรยากอดจูบกับชายอื่นยังไม่ถึงขั้นร่วมประเวณีต่อหน้าสามี สามีทำร้ายร่างกายใช้มีแทงชายอื่น ถือเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะไม่ใช่ป้องกันตัว
พิษรักแรงหึงสมัยนี้ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น
โดยดูได้จากข่าวหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์ ไม่ว่าจะฝ่ายชายหึงหวงฝ่ายหญิง
หรือฝ่ายหญิงหึงหวงฝ่ายชายก็ตาม รวมไปถึงเพศที่สามด้วยนั้น เมื่อความรักบังตาอะไรก็สามารถทำได้ กลัวจะถูกแย่งคนรักไป
บางคู่นั้นได้ทำร้ายมือที่สามที่เข้ามามีความสัมพันธ์
หรือทำร้ายทั้งคนรักและมือที่สามไปพร้อมๆกัน โดยคำนึงแค่ความสะใจเพียงเท่านั้น
มิได้คำนึงถึงผลร้ายที่จะตามมา ว่าจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายหรือไม่อย่างไร
ความรักนั้นเป็นสิ่งสวยงาม แต่กลับกันนั้นก็ทำให้ตาบอด เห็นผิดเป็นชอบ
หรือที่เรียกว่า “หลง” ทุ่มเทไปทั้งกายทั้งใจ เพื่อที่จะให้คนรักนั้นรู้สึกดี
มีความสัมพันธ์ที่ดีตอบกลับมา แต่อะไรก็ตามนั้นหากมันมากเกินไป
เกินความพอดี จะกลายเป็นอึดอัด
จากชีวิตคู่ที่ร่วมคิดร่วมสร้างจะกลายเป็นคนหนึ่งบงการชีวิตอีกคนหนึ่งทันที
คนเราถ้าจะมีความรักนั้น ต้องรักให้เป็น
การรักให้เป็นนั้นต้องรักตัวเองก่อน อย่ารักแต่เพียงคนรักเพียงอย่างเดียว
สิ่งที่อยากฝากคำถามไว้ให้ท่านคิดนะครับ คือ อะไรที่ท่านว่าดีอยากมอบให้คนรักท่านให้ตัวเองแล้วหรือยัง?
ตัวอย่างคดีที่ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยไว้เรื่องความรัก ความหึงหวง
โดยฝ่ายชายทำร้ายมือที่สามจนถึงแก่ความตาย
ถึงแม้จะได้รับการลดโทษเพราะกระทำไปโดยบันดาลโทสะ
แต่บุคคลนั้นก็มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 แล้ว ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา 1 ชีวิตต้องจบลง
อีก 1 ชีวิตต้องจำคุก อีก 1 ก็รู้สึกผิดไปตลอดชีวิต ทั้ง 3 ชีวิตนั้นต้องอยู่กับห่วงแห่งความทุกข์
เพราะฉะนั้นแล้วจะทำอะไรคิดให้ดีนะครับ ฝากไว้สำหรับคนมีความรักทุกท่าน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3583/2555
จ.
เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยซึ่งจำเลยย่อมมีสิทธิตามกฎหมายที่จะกระทำการป้องกันเกียรติยศชื่อเสียงของตนโดยมิให้ชายอื่นมามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับภรรยาของตนได้ แต่ขณะเกิดเหตุจำเลยพบเห็น จ.
นอนหนุนตักผู้ตายและกอดจูบกันเท่านั้นโดยยังไม่มีการร่วมประเวณีกัน และการที่ผู้ตายกระทำต่อ จ. ดังกล่าวก็เป็นไปโดย จ. สมัครใจยินยอม
พฤติการณ์เช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่ามีภยันตรายซึ่งเกิดการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย
และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ซึ่งจำเลยจำต้องกระทำการป้องสิทธิแต่อย่างใด
แต่การที่ผู้ตายกับ จ. กอดจูบกันเช่นนี้
นับเป็นการกระทำที่ข่มเหงจิตใจของจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม
เมื่อจำเลยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ย่อมเหลือวิสัยของจำเลยที่จะอดกลั้นโทสะไว้ได้
จึงเข้าไปชกต่อยผู้ตายแล้วใช้มีดปอกผลไม้ที่วางอยู่ใกล้ตัวแทงผู้ตายเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตาม ป.อ. มาตรา 72 ไม่ใช่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ปรึกษากฎหมายโทร
080-9193691
, 02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ
คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments