สามีหรือภริยา ให้ทรัพย์สินส่วนตนกับอีกฝ่ายหนึ่งในระหว่างสมรสต่อมาไม่พอใจและไม่อยากให้สามารถบอกล้างการให้และเรียกทรัพย์สินคืนได้
ในกรณีที่สามีได้มอบทรัพย์สินให้ภริยาในระหว่างจดทะเบียนสมรส
ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน บ้าน
หรือยินยอมให้ภริยามีชื่อร่วมในบัญชีเงินฝากธนาคาร โดย ที่ดิน บ้าน และเงินในบัญชี
เป็นทรัพย์ส่วนตัวของสามีที่ได้มาก่อนจดทะเบียนสมรสทั้งหมด ภายหลังสามี ภริยา
ทะเลาะกัน ภริยาหนีออกนอกบ้าน และไม่กลับมาหาสามีอีกเลย
ส่วนสามีก็ไปมีภริยาใหม่ หากเป็นเช่นนี้ สามียังสามารถกลับไปเอาที่ดิน
บ้าน หรือเงินที่มอบให้แก่ภริยากลับคืนมาได้
เพราะสัญญาที่สามีให้ทรัพย์สินแก่ภริยานั้น ถือเป็นสัญญาที่เกี่ยวกับทรัพย์สินที่สามีภริยาได้ทำไว้ต่อกัน
ในระหว่างเป็นสามีภริยา ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะบอกล้างเสียในเวลาใด
ที่เป็นสามีภริยากันอยู่
หรือภายในกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่ขาดจากการเป็นสามีภริยากัน ก็ได้
ถึงแม้จะเลิกรามากกว่า 3 ปี
แต่ยังไม่หย่าขาดจากกันก็สามารถบอกล้างได้ ทั้งนี้
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1469 ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่มุ่งคุ้มครองสิทธิของคู่สมรสโดยทั่วไปที่ได้ทำสัญญาเกี่ยวกับทรัพย์สินกันไว้ในระหว่างสมรส
โดยตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของความเสน่หาหรือเหตุอื่นใดอันทำให้ตนต้องเสียประโยชน์
มิให้ถูกเอารัดเอาเปรียบหรือถูกข่มเหงโดยไม่ชอบธรรม
เหตุแห่งการบอกล้างนั้นจึงขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้ให้
เมื่อสามีซึ่งเป็นผู้ให้ไม่พอใจภริยา สามีย่อมใช้สิทธิบอกล้างนิติกรรมได้
ไม่ใช่การใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ทั้งนี้ เทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3714/2548
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3714/2548
โจทก์และจำเลยเป็นสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ตกลงยกเงินฝากประจำส่วนหนึ่งอันเป็นสินส่วนตัวของโจทก์จำนวน 7,500,000 บาท ซึ่งอยู่ในบัญชีเงินฝากที่โจทก์ยอมให้จำเลยมีชื่อร่วมให้แก่จำเลย
ข้อตกลงดังกล่าวจึงเป็นสัญญาเกี่ยวกับทรัพย์สินที่โจทก์และจำเลยทำไว้ต่อกันในระหว่างเป็นสามีภริยากัน
ซึ่ง ป.พ.พ. มาตรา 1469 บัญญัติให้สิทธิสามีหรือภริยาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถใช้สิทธิบอกล้างสัญญาดังกล่าวได้ภายในเวลาที่เป็นสามีภริยากันอยู่
หรือภายในกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่ขาดจากการเป็นสามีภริยากันก็ได้
แต่การบอกล่าวไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิของบุคคลภายนอกผู้กระทำการโดยสุจริต ดังนั้น
เมื่อโจทก์บอกล้างนิติกรรมให้เงิน 7,500,000 บาท
ต่อจำเลยแล้วในระหว่างที่โจทก์จำเลยยังเป็นสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายกันอยู่
การบอกล้างดังกล่าวจึงเป็นการใช้สิทธิบอกล้างตามบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าวอันเป็นบทบัญญัติที่มุ่งคุ้มครองสิทธิของคู่สมรสโดยทั่วไปที่ได้ทำสัญญาเกี่ยวกับทรัพย์สินไว้ในระหว่างสมรสโดยตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของความเสน่หาหรือเหตุอื่นใดอันทำให้ตนต้องเสียประโยชน์
มิให้ถูกเอารัดเอาเปรียบหรือถูกข่มเหงโดยไม่ชอบธรรม
โดยเหตุแห่งการบอกล้างนั้นขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้ให้
เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ให้ไม่พอใจจำเลย
โจทก์ย่อมใช้สิทธิบอกล้างนิติกรรมการให้เงินดังกล่าวแก่จำเลยได้
จึงไม่ใช่การใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
ปรึกษากฎหมายโทร
080-9193691
, 02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ
คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments